ข่าว

เปิดเหตุผล การบินไทยพยายามดันแผนเช่าเครื่องบิน Airbus A330-200

เปิดเหตุผล การบินไทยพยายามดันแผนเช่าเครื่องบิน Airbus A330-200

10 ต.ค. 2568

เปิดเหตุผล การบินไทยพยายามผลักดันแผนเช่าเครื่องบิน Airbus A330-200 มาเสริมฝูงบิน ทั้งที่บริษัทเพิ่งออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ

บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) หรือ THAI กำลังเผชิญกับประเด็นถกเถียงภายในเกี่ยวกับแผนเช่าเครื่องบิน Airbus A330-200 มาเสริมฝูงบิน หลังจากที่บริษัทเพิ่งออกจากแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

 

แหล่งข่าวจากการบินไทยเปิดเผยว่า ในเดือนเมษายน 2568 ทีผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงท้ายของการบริหารงานของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ มีความพยายามผลักดันให้ฝ่ายจัดการเสนอเช่าเครื่องบิน Airbus A330-200 มาใช้งาน โดยอ้างเหตุผลว่าจะใช้ทดแทนเครื่องบิน Boeing 777 ที่คาดว่าจะมีการส่งมอบล่าช่าในปี 2570

 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นแรกที่เกิดคำถามคือ เครื่องบินทั้งสองรุ่นนี้ไม่สามารถทดแทนกันได้โดยตรง เนื่องจากเป็นคนละขนาดและมีขีดความสามารถต่างกัน เพราะเครื่องบิน Airbus A330 สามารถบินได้ไกลสูงสุดประมาณ 7 ชั่วโมง ในขณะที่เครื่องบิน Boeing 777 บินได้ระดับ 10 ชั่วโมงขึ้นไป 

 

นอกจากนี้ ฝ่ายจัดการยังไม่มีข้อมูล simulation เปรียบเทียบผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงฝูงบินให้เห็นอย่างชัดเจน ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่การบินไทยกำลังจะออกจากแผนฟื้นฟูและรอบอร์ดกรรมการชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน การตัดสินใจลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจึงถูกมองว่าควรรอให้บอร์ดใหม่เป็นผู้พิจารณา

หลังจากบอร์ดกรรมการชุดใหม่เริ่มทำงานในเดือนมิถุนายน ฝ่ายจัดการได้เสนอเรื่องดังกล่าวอีกไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง โดยเพิ่มเหตุผลรองรับ 2 ประการ ได้แก่

1. Boeing จะส่งมอบเครื่องบินใหม่รุ่น 787 และ 777 ล่าช้าจากแผนเดิมที่กำหนดไว้ในปี 2570 

2. การบินไทยมีเครื่องบินจำนวนหนึ่งต้องจอดเนื่องจากปัญหาเครื่องยนต์ Rolls Royce รุ่น Trent 1000 ที่ขาดอะไหล่ หากจำนวนเครื่องบินไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ผลประกอบการทางการเงินไม่เป็นไปตามประมาณการ

 

ข้อเสนอดังกล่าวประกอบด้วยการเช่าเครื่องบินที่มีอายุประมาณ 8 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ หากคำนวณจากค่าเงินบาทที่ 33 บาทต่อดอลาร์ จะคิดเป็นเงิน 13,200 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่าเครื่อง 270 ล้านดอลลาร์(8,910 ล้านบาท) ฯ และค่าปรับปรุงห้องโดยสารและเครื่องยนต์สำรอง 140 ล้านเหรียญฯ( 4,620 ล้านบาท) 

แม้ฝ่ายจัดการจะเสนอหลายครั้ง แต่บอร์ดกรรมการยังไม่ตัดสินใจอนุมัติ เนื่องจากมีข้อกังขาหลายประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ 1 ขัดกับยุทธศาสตร์ลดความซับซ้อนของฝูงบิน เพราะปัญหาเดิมของการบินไทยคือมีเครื่องบินและเครื่องยนต์หลายรุ่นมากเกินไป ทำให้เป็นภาระด้านค่าใช้จ่าย อะไหล่ และการเตรียมนักบิน แผนยุทธศาสตร์ฝูงบินในอนาคตจึงกำหนดให้เหลือเพียง 4 รุ่น ได้แก่ Boeing 777, 787, Airbus A350 และ A321 ซึ่งไม่รวม A330 ที่ฝ่ายจัดการเสนอมา

ประเด็นที่ 2 การบินไทยเคยยกเลิกสัญญาเครื่องบิน A330 ออกไป 5 ลำ และมีแผนปลดประจำการเครื่องรุ่นนี้ทั้งหมดในปี 2530 การเช่ากลับมาอีกจึงเป็นคำถามว่าสอดคล้องกับทิศทางหรือไม่

ประเด็นที่ 3 เครื่องบิน Airbus A330 ที่จะเช่ามีอายุประมาณ 8 ปี เมื่อนำมาใช้งานจะต้องปรับปรุงภายในห้องโดยสาร (retrofit) ซึ่งใช้ทั้งเวลาและงบประมาณเพิ่มเติม

ประเด็นที่ 4 เครื่องบิน Airbus A330 เป็นเครื่องบินเทคโนโลยีรุ่นเก่า ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม ทำให้มีน้ำหนักมากและค่าซ่อมบำรุงสูง เมื่อรวมกับเครื่องยนต์ Rolls Royce ทำให้กินน้ำมันมาก ขณะที่ค่าน้ำมันคิดเป็น 30% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ประเด็นที่ 5 กรรมการเห็นด้วยกับความจำเป็นในการมีเครื่องบินเพิ่ม แต่เสนอให้พิจารณาเช่าหรือซื้อเครื่องบินใหม่เลย หรือถ้าเป็นเครื่องเก่าควรเป็นรุ่นที่ใหม่กว่า เช่น Boeing 787 ที่ตัวเครื่องทำจาก carbon composite มีน้ำหนักเบาและประหยัดน้ำมันกว่า

 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันบอร์ดกรรมการการบินไทยยังไม่มีการตัดสินใจในประเด็นนี้ เพราะเห็นว่าบริษัทเพิ่งก้าวออกจากแผนฟื้นฟูกิจการและกำลังเดินหน้าสู่การเติบโตในระยะต่อไป การตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดภาระที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในอนาคต