
เช็ก"คนละครึ่ง 2568" ห้ามใช้กับสินค้าตัวไหนบ้าง? กระตุ้นเศรษฐกิจ
รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเผย ความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งอยู่ระหว่างการทำการบ้านของทีมเศรษฐกิจ คาด 2 สัปดาห์หลัง ครม.ใหม่เริ่มงาน ประชาชนได้ลุ้นใช้สิทธิรอบใหม่ พร้อมขยายสิทธิไปถึงผู้เสียภาษี 11 ล้านคน
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย ถึงความคืบหน้าโครงการ "คนละครึ่ง" ว่า
"ขณะนี้ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำลังรวบรวมข้อมูลและวางแผนอย่างจริงจัง โดยมีการกันงบประมาณเบื้องต้นไว้ที่ 25,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหาร"
"นายสิริพงศ์" ระบุว่า "หาก ครม.ใหม่เดินหน้าทันที คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ ประชาชนจะได้เห็นความชัดเจนของโครงการ โดยนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล เองก็มีความตั้งใจที่จะผลักดันให้โครงการนี้ขยายวงเงินมากกว่าที่กำหนดไว้ เพื่อให้ครอบคลุมคนจำนวนมากขึ้น
สำหรับกลุ่มเป้าหมาย เดิมทีโครงการครอบคลุมประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป และกลุ่มเปราะบาง แต่รอบใหม่นี้อาจมีการขยายสิทธิให้กับกลุ่มผู้เสียภาษีอีก 11 ล้านคน โดยมีโอกาสได้รับสิทธิการใช้จ่ายแบบ 60:40 เช่นเดียวกับกลุ่มเดิม
ในด้านข้อกังวลของร้านค้าเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี "นายสิริพงศ์" ย้ำว่า การเสียภาษีถือเป็นหน้าที่ หากขายได้มากก็ต้องเสียภาษี แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการเรียกเก็บย้อนหลัง
ส่วนสินค้าที่ไม่สามารถใช้สิทธิได้ คาดว่าจะยังคงเหมือนเดิม ได้แก่
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ยาสูบ
- สลากกินแบ่งรัฐบาล
- รวมถึงบัตรกำนัล
- บริการแบบชำระล่วงหน้า
ทั้งนี้ จากข้อมูลโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (กันยายน – ตุลาคม 2565) พบว่าสิทธิการใช้จ่ายครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงบริการบางประเภท เช่น ร้านทำผมและร้านนวด ขณะที่สินค้าต้องห้ามยังถูกจำกัดอย่างเข้มงวด
สรุปข่าวคมชัดลึก :
โครงการ "คนละครึ่ง" กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ด้วยงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท หาก ครม.ใหม่เดินหน้าทันที ประชาชนอาจได้ใช้สิทธิภายใน 2 สัปดาห์ โดยมีการพิจารณาขยายสิทธิไปถึงผู้เสียภาษีอีก 11 ล้านคน ทำให้โครงการนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและฟื้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่