
นกแอร์แจงแล้ว ปม!CAAT ห้าม 'นกแอร์' บินเส้นทางต่างประเทศ ขยายรูทเพิ่ม
นกแอร์แจงแล้ว ปม!CAAT ห้าม 'นกแอร์' บินเส้นทางต่างประเทศ ขยายรูทเพิ่ม รับการตรวจสอบ ICAO ยัน!สายการบินพร้อมเดินหน้าแก้ไข เพื่อเตรียมกลับมาเปิดบินในช่วงไฮซีซันนี้
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ที่มีคำสั่งตรงถึงสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เรื่อง “ห้ามมิให้ใช้สิทธิตามใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ เลขที่ AOC.0006” พร้อมทั้ง “แก้ไขข้อกำหนดการปฏิบัติการ (Operations Specifications)” หลังตรวจพบปัญหาด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ CAAT ได้ทำหนังสือแจ้งสายการบินนกแอร์ เพื่อให้นกแอร์หยุดทำการบินระหว่างประเทศทุกเส้นทาง
รวมถึงห้ามยื่นขออนุมัติ หรือขยายเส้นทางบินเพิ่มเติม ทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและเส้นทางบินระหว่างประเทศ รวมถึงการขอเพิ่มความจุและความถี่ในการให้บริการ ทั้งนี้เพื่อรองรับการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ตามโครงการ Universal Safety Oversight Audit Programme (USOAP) Continuous Monitoring Approach Audit (CMA) ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 8 กันยายน 2568
เนื่องจาก CAAT พบว่านกแอร์ มีข้อบกพร่องที่ยังแก้ไขไม่เรียบร้อย จึงต้องให้เวลาทางนกแอร์ แก้ไขข้อบกพร่องให้แล้วเสร็จเสียก่อน คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ถ้านกแอร์ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องแล้วเสร็จ ก็จะอนุญาตให้นกแอร์กลับมาทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศ และขยายเส้นทางบินได้ตามปกติ ทั้งนี้คณะผู้ตรวจสอบ ICAO มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยงานด้านการบินที่เกี่ยวข้อง (Industry Visit) ในวันที่ 4 กันยายน 2568 เพื่อประเมินความพร้อมและการบังคับใช้มาตรฐานในทุกมิติของระบบการบินพลเรือนของประเทศไทย
สำหรับเอกสารที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. แจ้งแก่สายการบินนกแอร์ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2568 โดยแจ้งถึง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เรื่อง ห้ามมิให้ใช้สิทธิตามใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ เลขที่ AOC.0006 และแก้ไขข้อกำหนดการปฏิบัติการ(Operations Specifications)
อ้างถึง 1. หนังสือสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ที่ กพท 06/2598 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2568 2.Safety Report No. 217556 ลงวันที่ 14 เมษายน 2568 และ 3.Safety Report No. 218327 ลงวันที่ 24 เมษายน 2568
โดยหนังสือฉบับดังกล่าวระบุว่าตามหนังสือที่อ้างถึง CAAT ได้แจ้งผลการตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ซึ่งพบข้อบกพร่องในการดำเนินการของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ทั้งในด้านเหตุการณ์อุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นในด้านบุคลากร และด้านการปฏิบัติการบินต่อเนื่องมาในช่วงปี 2566-2568 โดยที่อัตราการเกิดเหตุการณ์ ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปี เกิดขึ้นจำนวนมาก อาทิเช่น เหตุการณ์เครื่องยนต์ดับระหว่างปฏิบัติการบิน (Engine In-Flight Shutdown), เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่ง, Hard landing และ Tail strike
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์เครื่องยนต์ดับระหว่างปฏิบัติการบิน (Engine In-light Shutdown) ที่ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้แน่ชัดว่าเกิดจากเหตุใด ที่ต้องสอบสวนวิเคราะห์ข้อมูลระบุอันตรายประเมินผลลัพธ์รวมถึงประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนเพื่อให้สามารถดำเนินกระบวนการลดความเสี่ยงและจัดทำข้อเสนอแนะที่เหมาะสม
อีกทั้งการที่ผู้ประจำหน้าที่นักบินครูการบินและผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจสอบด้านการบินลาออกจากบริษัทฯเป็นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงปัญหาภายในหลายมิติ ทั้งวัฒนธรรมความปลอดภัยด้านองค์กร (Safety Culture) ขวัญและกำลังใจของพนักงาน จนเพิ่มความเสี่ยงในด้านบุคลากรที่ขาดความรู้ ประสบการณ์และความชำนาญในการปฏิบัติการบิน ซึ่งเหตุการณ์และการขาดประสิทธิภาพในระบบการปฏิบัติการบินดังกล่าวของบริษัทฯ ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงและดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
CAAT พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติการบินและเพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัยสาธารณะจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการกำกับดูแลอย่างจริงจัง อาศัยอำนาจตามมาตรา 41/18 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่ม
ประกอบข้อ 14 ของข้อบังคับของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ฉบับที่26 ว่าด้วยใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Air Operator Certificatc) ข้อ14 และมาตรา67/9 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2479 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงมีคำสังไว้ ดังนี้
1.ห้ามมิให้ใช้สิทธิตามใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ เลขที่ AOC.0006 ดังนี้
1.1 ห้ามทำการบินในเส้นทางบินระหว่างประเทศทุกเส้นทาง
1.2 ห้ามยื่นขออนุมัติหรือขยายเส้นทางบินเพิ่มเติม ทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและเส้นทางบินระหว่างประเทศ รวมถึงการขอเพิ่มความจุและความถี่ในการให้บริการ
2. ให้ยกเลิกข้อกำหนดการปฏิบัติการ (Operations Specification แบบท้ายข้อกำหนดการปฏิบัติการ (Attachment to Operations Specifications) ของใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ เลขที่ A0C.0006 ฉบับปัจจุบัน และแก้ไขโดยตัดพื้นที่ปฏิบัติการบิน (Area(s) of Operation)ในส่วนของระหว่างประเทศ (International) ออก ให้คงเหลือเฉพาะภายในประเทศ (Domestic) เท่านั้นตามข้อกำหนดการปฏิบัติการ (Operations Specifications: Ops Spec) เลขที่ AOCOP5.0006/01 Revision 04 และแนบท้ายข้อกำหนดการปฏิบัติการ (Attachment to Operations Specifications) เลขที่ AOC OPS.0006/01 Revision 04 (สิ่งที่ส่งมาด้วย)
3. มาตรการแก้ไขปัญหาและหน้าที่ของผู้ดำเนินการเดินอากาศ
3.1ให้บริษัทฯ จัดทำรายงานการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง (Root Cause Analysis – RCA)เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องยนต์ดับระหว่างปฏิบัติการปัน (Engine In-light Shutdown) และเหตุการณ์หรือ อุบัติการณ์ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยนำเสนอแผนปฏิบัติการแก้ไข (Corrective Action Plan – CAP) ต่อ กพท. เพื่อขอรับความเห็นชอบภายใน 60 วัน นับแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้
3.2 ให้บริษัทฯ จัดทำรายงานการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง (Root Cause Analysis – RCA)เกี่ยวกับผู้ประจำหน้าที่นักบิน ครูการบิน และผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจสอบด้านการบืนที่ได้ลาออกจากบริษัทเป็นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ โดยนำเสนอแผนปฏิบัติการแก้ไข (Corective Action Plan – CAP) ต่อ กพท. เพื่อขอรับความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้
3.3 ให้บริษัทฯ จัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพในระบบ Fight Data Analysis Program – FDAPและ Safety Management System – 5MS โดยน้ำเสนอแผนปฏิบัติการแก้ไข (Corective Action Plan – CAP) ต่อ กพท. เพื่อขอรับความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้
3.4 ให้บริษัทฯ ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไข (Corrective Action Plan – CAP) ที่ได้รับความเห็นชอบจาก กพท. ตาม 3.1 -3.3 อย่างครบถ้วน พร้อมจัดทำรายงานความก้าวหน้าเสนอ กพท.เป็นระยะจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิผล
4.การคงอยู่ของคำสั่ง คำสั่งนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ลงนามในหนังสือฉบับนี้ และจะยังคงมีผลบังคับจนกว่าบริษัทฯ จะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและสามารถพิสูจน์ให้ กพท. เชื่อมั่นได้ว่าความปลอดภัยการบินได้รับการแก้ไขให้อยู่ในระดับที่เป็นที่ยอมรับ โดย กพท. จะเป็นผู้พิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งนี้ต่อไป
ด้านนายวุฒิภูมิ จุฬารกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด ชี้แจงต่อเรื่องนี้ว่าตามที่มีเอกสารจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เผยแพร่ เกี่ยวกับข้อกำหนดด้านการปฏิบัติการบินของสายการบินนกแอร์นั้น สายการบินนกแอร์ขอชี้เเจงข้อเท็จจริงและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารว่าปัจจุบันสายการบินนกแอร์ยังคงปฏิบัติการบินตามปกติในทุกเส้นทางกายในประเทศ ทุกเที่ยวบินปฏิบัติการภายใต้ข้อกำหนดด้านความสมควรเดินอากาศที่กำกับดูแลโดย กพท.
สำหรับเส้นทางระหว่างประเทศ สายการบินนกแอร์ไม่ได้ทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 แล้ว ส่วนกรณีที่ CAAT ออกประกาศดังกล่าวทางนกแอร์ จะมีการประกาศแผนการให้บริการอีกครั้งเมื่อดำเนินการตามเอกสารแล้วเสร็จ สายการบินนกแอร์ดำเนินการตามประกาศ กฎระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานกำกับดูแลมาอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการประสานงานกับ CAAT อย่างใกล้ชิดในการชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อยืนยันถึงมาตรการด้านความปลอดภัยและการดำเนินการที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าทุกเที่ยวบินของนกแอร์ดำเนินการด้วยความปลอดภัยสูงสุด
นกแอร์ ยังชี้แจงเหตุการณ์ต่างๆ ตามข้อสังเกตของ กพท. หรือ CAAT ดังนี้
1. ด้านการซ่อมบำรุงและการปฏิบัติการบิน สายการบินนกแอร์ดำเนินการตามคู่มือการซ่อมบำรุงที่ได้รับการรับรองจาก กพท. และตามมาตรฐานสากล ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของการปฏิบัติการจาก IOSA (IATA Operational Safety Audit) การติดตามข้อมูลทางการบินผ่านระบบติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลของเครื่องบินอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดกัยสูงสุด
นอกจากนี้ยังมีการประสานงานด้านการซ่อมบำรุงอย่างใกล้ชิดกับ กพท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน(Boeing) ที่มีตัวแทนประจำอยู่ที่สายการบินนกแอร์เพื่อให้คำแนะนำในด้านการซ่อมบำรุงและการปฏิปฏิบัติการบิน
2. ด้านบุคลากร
แม้ปัจจุบันจะมีสถานการณ์การแข่งขันสูงด้านการจัดหาบุคลากรจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน ภายในภูมิภาค สายการบินนกแอร์ขอขึ้นอันว่ามีบุคลากรปฏิบัติงานจำนวนเพียงพอและเหมาะสมต่อการรองรับปฏิบัติการบินในทุกเส้นทาง พร้อมทั้งมีการฝึกอบรมและทบทวนทักษะตามมาตรฐามที่กำพนดโดย กพท. และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน ทั้งในส่วนของ ผู้ตรวจชอบด้านการบิน ครูการบิน นักบิน ลูกเรือ ช่างซ่อมบำรุง พนักงานอำนวยการบิน พนักงานภาคพื้น เป็นต้น
สายการบินนกแอร์ให้ความสำคัญสูงสูดกับความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน และมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานดังกล่าวอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการฝูงบินการดูแลรักษาครื่องบินตามมาตรฐาน การพัฒนาศักยภาพบุคลากร ตลอดจนการอกระดับการบริการย์โดยสาร เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดี
สายการบินนกแอร์ขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ และขอยืนยันอีกครั้งว่าทุกเที่ยวบินยังคงให้บริการตามปกติกายได้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสูงสุล ตามข้อกำหนดของ กพท. และมาตรฐานสากล เพื่อให้ทุกการเดินทางกับสายการบินนกแอร์เป็น ไปอย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง
ข้อมูลที่มาจาก ฐานเศรษฐกิจ