ข่าว

สทนช. เตือน 33 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม 24 - 28 ส.ค. 68

สทนช. เตือน 33 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม 24 - 28 ส.ค. 68

22 ส.ค. 2568

สทนช. เตือน 33 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงวันที่ 24 - 28 ส.ค. 68

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

พบว่ามีพื้นที่บางส่วนเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 24 - 28 ส.ค. 2568 ดังนี้


 

1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้

ภาคเหนือ

 

  1. จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย เชียงของ เชียงแสน เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง พญาเม็งราย เทิง แม่จัน และดอยหลวง)
  2. จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปาย ขุนยวม แม่สะเรียง และสบเมย)
  3. จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอฝาง แม่อาย และอมก๋อย)
  4. จังหวัดลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน แม่ทา และบ้านธิ)
  5. จังหวัดลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง แม่ทะ ห้างฉัตร และเมืองปาน)
  6. จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา ปง และเชียงคำ)
  7. จังหวัดน่าน (อำเภอทุ่งช้าง แม่จริม และเวียงสา)
  8. จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอท่าปลา และน้ำปาด)
  9. จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด และอุ้มผาง)
  10. จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเมืองพิษณุโลก ชาติตระการ นครไทย บางระกำ เนินมะปราง และวังทอง)
  11. จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ วังโป่ง และศรีเทพ) 

 

สทนช. เตือน 33 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม 24 - 28 ส.ค. 68  

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

  1. จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย เชียงคาน นาแห้ว และวังสะพุง)
  2. จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย ท่าบ่อ และสระใคร)
  3. จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ)
  4. จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี บ้านดุง กุดจับ น้ำโสม บ้านผือ และเพ็ญ)
  5. จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส และอากาศอำนวย)
  6. จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอคอนสาร จัตุรัส และหนองบัวแดง)
  7. จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอคง ครบุรี ชุมพวง ด่านขุนทด โนนสูง บัวใหญ่ ปากช่อง พิมาย วังน้ำเขียว สีคิ้ว และสูงเนิน)
  8. จังหวัดยโสธร (อำเภอไทยเจริญ และเลิงนกทา)
  9. จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ เสนางคนิคม และชานุมาน)
  10. จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเมืองอุบลราชธานี เขมราฐ นาตาล เดชอุดม นาจะหลวย นาเยีย น้ำยืน บุณฑริก พิบูลมังสาหาร วารินชำราบ และสำโรง)

 

ภาคตะวันออก

 

  1. จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และปากพลี)
  2. จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี กบินทร์บุรี นาดี ประจันตคาม และศรีมหาโพธิ)
  3. จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว โคกสูง ตาพระยา และวัฒนานคร)
  4. จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และศรีราชา)
  5. จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา)
  6. จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี แก่งหางแมว เขาคิชฌกูฏ ท่าใหม่ โป่งน้ำร้อน มะขาม สอยดาว แหลมสิงห์ และขลุง)
  7. จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ แหลมงอบ เกาะกูด และเกาะช้าง)  

 

ภาคใต้

  1. จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร พะโต๊ะ และหลังสวน)
  2. จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง สุขสำราญ กะเปอร์ ละอุ่น และกระบุรี)
  3. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านตาขุน)
  4. จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี และกะปง)
  5. จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)  

 

2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และกระบี่ 

3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย และบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

4. เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ


ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้


1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน 


2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น - ลงของระดับน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก


3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที


4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่ที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
 

สทนช. เตือน 33 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม 24 - 28 ส.ค. 68 สทนช. เตือน 33 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม 24 - 28 ส.ค. 68