ข่าว

สรุปคำชี้แจง "นายกฯแพทองธาร" ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ปมคลิปเสียงหลุด

สรุปคำชี้แจง "นายกฯแพทองธาร" ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ปมคลิปเสียงหลุด

14 ส.ค. 2568

"นายกฯแพทองธาร" คำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ปมคลิปเสียงหลุด ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่เคยเจรจาเอื้อผลประโยชน์เข้าตัวและตระกูลชินวัตร ศาลปัดตกคำร้องยกเลิกคำสั่งพักงาน

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติและอ่านคำวินิจฉัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประเด็นคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ในวันที่ 29 ส.ค. 2568 ที่จะถึงนี้ 

 

สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้รับคำชี้แจงของ น.ส.แพทองธาร ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.แพทองธาร ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ที่ว่าขาดความซื่อสัตย์สุจริต และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่

 

น.ส.แพทองธาร ยืนยัน

  • การกระทำของตนเองตามข้อกล่าวหาของผู้ร้อง ไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 
  • การกระทำของตนเองก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนในความสุจริตและเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งแต่ประการใด

ชี้แจง 2 ข้อกล่าวหาหลัก 

"อยากได้อะไรดีให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้"

  • เจตนาที่ต้องการให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อน ตามหลักการสำคัญของการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (Principled Negotiation) โดยการใช้เทคนิคสำคัญ คือ การตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง (Interest-Based) ในลักษณะไม่โจมตีจุดยืนของคู่เจรจา 
  • ไม่ได้มีเจตนาดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณี แม้ สมเด็จฮุน เซน เสนอให้ฝ่ายไทยยอมเปิดด่านก่อน ฝ่ายกัมพูชาจะหลังจากนั้นภายใน 5 ชั่วโมง แต่ข้าพเจ้าก็เสนอกลับไปว่า ให้เปิดด่านพร้อมกัน
  • สมเด็จฮุน เซนไม่ได้ตอบรับหรือยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว และข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้มีการตอบรับในเงื่อนไขดังกล่าวของสมเด็จฮุน เซน เช่นเดียวกัน เนื่องจากข้อเสนอใด ๆ จะต้องไปพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของไทยก่อน เพื่อร่วมกันพิจารณาและตัดสินใจ

"กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 (พลโท บุญสิน พาดกลาง) ว่าเป็นฝั่งตรงข้าม"

 

  • นายฮวด คนสนิทของสมเด็จฮุน เซน พยายามอธิบายมูลเหตุของการที่สมเด็จฮุน เซน สั่งการให้มีการปิดด่าน เนื่องจากไม่พอใจแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นการเฉพาะเจาะจง 
  • ข้าพเจ้าจึงจำต้องใช้เทคนิคการเจรจาที่แบ่งแยกปัญหาออกจากตัวบุคคล ไม่ได้เป็นการตำหนิติเตียนในทางลบ หรือแสดงให้เห็นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไทย
  • แต่เป็นการอธิบายสถานการณ์ต่อฝ่ายกัมพูชาในเชิงสร้างความเข้าใจว่า ฝ่ายบริหารของไทยมีเจตนาที่จะรักษาสันติ และไม่ได้เป็นการโอนอ่อนหรือเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากแต่เป็นการดำเนินนโยบายโดยอาศัยหลักทางการทูตเพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ และป้องกันความขัดแย้งที่อาจลุกลาม
  • เมื่อเกิดความเข้าใจผิด ข้าพเจ้ากล่าวคำขอโทษต่อแม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ติดใจคลิปเสียงของข้าพเจ้า
  • ไม่ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีกับแม่ทัพภาคที่ 2 และไม่ได้มีผลกระทบต่อการทำงานของกองทัพ

 

ไม่เรียกร้องผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว

น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ความตั้งใจเดียวของข้าพเจ้าตลอดบทสนทนา เป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่มีเจตนาจะได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน ดังจะเห็นได้จากบทสนทนาว่า ไม่มีข้อความตอนใดที่ข้าพเจ้าเรียกร้องเอาผลประโยชน์ให้ตกเป็นของตนเองหรือครอบครัว หรือ ถือเอาประโยชน์ส่วนตนเหนือกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยไม่ซื่อสัตย์สุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ

 

ขอไต่สวนพยานผู้เชี่ยวชาญ 5 ราย 

น.ส.แพทองธาร ยืนยัน พยานทั้ง 5 ราย มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของประเทศและตามแนวชายแดนปัจจุบัน บางรายมีประสบการณ์ในอดีตทั้งความมั่นคงและการต่างประเทศ

1. ฉัตรชัย บางชวด - เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้ทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ และเป็นบุคคลที่ทราบถึงเจตนาอันแท้จริงของนายกฯ ในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน

2. อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ - ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้สั่งการฝ่ายปกครองด้านชายแดน

3. พล.อ.ภุชงค์ รัตนวรรณ - ข้าราชการบำนาญที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกัมพูชา ทำงานด้านปฏิบัติในกัมพูชามาตั้งแต่ยศร้อยโท และทำงานกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพที่ 2 และผู้บัญชาการรบพิเศษอย่างต่อเนื่อง

4. พล.ท.พุฒิพงษ์ ชีพสมุทร - รองเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร ในฐานะผู้ชำนาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของทหารและเรื่องอำนาจอธิปไตยของประเทศ

5. ธนาธิป อุปัติศฤงค์ - อดีตทูตไทยประจำญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย ในฐานะผู้ชำนาญด้านการต่างประเทศและสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงวิธีปฏิบัติทางการทูตในการเจรจาแบบไม่เป็นทางการ

 แต่สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ไต่สวนเลขาธิการ สมช. เพียงรายเดียว


ขอยกเลิกคำสั่งพักงาน


น.ส.แพทองธาร ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ตามที่ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งให้เธอหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากเมื่อคำนึงถึงความเป็นสัดส่วนในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ต่อไป ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและอธิปไตยของชาติ นอกจากนี้ ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะบูรณาการเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายให้สนับสนุนการทำหน้าที่ของฝ่ายทหาร และแสดงถึงความเข้มแข็งภายในชาติ ซึ่งส่งผลเชิงจิตวิทยาแก่กัมพูชาในการรุกรานประเทศไทย


แต่ศาลรัฐธรรมนูญปัดตกคำขอให้ยกเลิกคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย 

 

  • 21 ส.ค. 68  ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยาน 2 ราย คือ แพทองธาร และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 21 ส.ค. 68 
  • 29 ส.ค. 68 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย