
"ภูมิธรรม" ลุยสุรินทร์ ให้กำลังใจชาวบ้าน พร้อมถกผู้ว่าฯ 4 จ. ประเมินการกลับบ้าน
"ภูมิธรรม" พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ให้กำลังใจชาวบ้าน เรียกประชุมผู้ว่าฯ 4 จ. ประเมินการสามารถกลับบ้านได้หรือไม่ พร้อมเตรียมปิดศูนย์อพยพ
9 ส.ค. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยขณะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ว่า เดิมจะเดินทางไป จ.ศรีสะเกษ แต่ประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยกลับบ้านแล้ว เรายังมีความเป็นห่วงอยู่ ซึ่งจากการตรวจสอบสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้ว จึงไปที่ จ.สุรินทร์ เพราะยังมีประชาชนที่อาจไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ จึงมาชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ ให้ประชาชนเข้าใจ
ส่วนการกลับบ้านของชาวสุรินทร์นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้สรุปภาพรวมไว้อยู่แล้ว โดยให้กรมการปกครอง ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ อบต.ต่างๆ ลงไปสำรวจสภาพ และคิดว่าสามารถส่งกลับได้ในวันนี้ ซึ่งเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 4 จังหวัดอีสานใต้ วางแผนเตรียมการให้เรียบร้อย หากเรียบร้อย วันพรุ่งนี้เช้าคงทยอยปิดศูนย์อพยพ และเดินทางกลับได้ ยกเว้นบ้านที่เสียหายยังไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้ จะหามาตรการช่วยเหลือต่อไป ซึ่งขณะนี้ให้ดูระเบียบและจะปรับปรุง เริ่มตั้งแต่การใช้งบกลางเยียวยาเพิ่มเติมผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ส่วนอื่นๆ ก็จะดูแลลดหลั่นกันมาตามระเบียบ ซึ่งวันนี้จะไปชี้แจงในเรื่องนี้ให้เข้าใจ
โดยวันนี้มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ร่วมคณะลงพื้นที่
จุดแรกที่ศูนย์อพยพชั่วคราว มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสานวิทยาเขตสุรินทร์ อ.เมือง ก่อนส่งประชาชนจากศูนย์อพยพเดินทางกลับบ้าน และรับฟังสรุปสถานการณ์ในพื้นที่
จากนั้นเดินทางไปที่โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์และผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดน และเดินทางต่อไปที่โรงเรียนพนมดงรักวิทยา ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก เพื่อมอบชุดเครื่องแบบให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และรับฟังสถานการณ์และการดูแลความปลอดภัยจากนายอำเภอพนมดงรัก ก่อนเดินทางกลับ กทม.
ขณะที่นายมาริษ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ และเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ รวมถึงติดตามความคืบหน้า การประเมินความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนเพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับบ้านได้ หลังมีผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee) หรือ GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในการหยุดยิง อันจะนำไปสู่สันติภาพและความสงบสุขของชายแดนไทย–กัมพูชา เพราะสันติภาพที่ยั่งยืน ต้องเริ่มจากการหยุดยิง และการแสดงความรับผิดชอบต่อการสูญเสีย
นายมาริษ ยังได้ติดตามและรับฟังข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากพื้นที่ โดยเฉพาะในประเด็นผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาต่อพลเรือน และพื้นที่พลเรือนของไทย รวมทั้งการวางทุ่นระเบิดของกองทัพกัมพูชา ซึ่งละเมิดกฎหมายมนุษธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law: IHL) และอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ถึงแม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว
แต่ความเสียหายต่อพลเรือนได้เกิดขึ้นแล้ว กระทรวงการต่างประเทศยังคงเดินหน้าดำเนินการร้องเรียนต่อเวทีสหประชาชาติ และประชาคมโลก เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ และความยุติธรรมต่อพี่น้องประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งทหารไทยที่ได้รับการสูญเสีย และบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ในดินแดนของไทย อันเป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพของประเทศ
นายมาริษ ยังเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 11 – 14 ส.ค. 2568 นี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานงาน เพื่ออำนวยความสะดวกคณะผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ที่จะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์, ศรีษะเกษ และ อุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมเยียนและสัมภาษณ์ประชาชนคนไทยและติดตามสถานพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางเป้าหมายพลเรือนของกัมพูชา
นายมาริษ ยังย้ำว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศตามแนวนโยบายของรัฐบาลได้ดำเนินการร้องเรียนในเวทีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ
ประเด็นทุ่นระเบิด กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ของกระทรวงเพื่อประท้วง และการออกหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา, การออกหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อเรียกร้องการชี้แจงของกัมพูชาต่อกรณีการวางทุ่นระเบิดฯ ผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
ประเด็นการโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนของกัมพูชา รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ประณาม และออกแถลงการณ์ต่อกรณีที่กัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่บ้านเรือนของประชาชนในดินแดนไทย ที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงการกล่าวถ้อยแถลงประณามกัมพูชาต่อการโจมตีเป้าหมายทางพลเรือน ในการประชุมฉุกเฉินในกรอบคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC โดยเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และตนเองยังได้มีหนังสือลงนามถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวมถึงการประสานงานกับกองทัพ เพื่อนำคณะผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเชลยศึก 18 นาย เพื่อย้ำถึงการปฏิบัติต่อเชลยศึกอย่างดี และโปร่งใส เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 4-6 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายมาริษ ย้ำว่า ประเทศไทยเคารพ และพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงทั้ง 13 ข้อ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญเพื่อนำไปสู่ความสงบสันติในภูมิภาค แต่ความสูญเสียต่อพลเรือนที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงที่ ต้องเกิดความรับผิดชอบ จึงต้องเดินหน้าการทำงานใน 2 ส่วนนี้คู่ขนานกันไป