"คปท.-ศปปส." รวมตัวแสดงพลัง หน้าสถานทูตกัมพูชา หลังทหารเหยียบระเบิด | คมชัดลึก

20 ก.ค. 2568 กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) , กองทัพธรรม  และ ศปปส. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล เคลื่อนขบวนจากเวทีการชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชษฐ มาทำกิจกรรมที่หน้าสถานทูตกัมพูชาประจำราชอาณาจักรไทย เพื่อชุมนุมแสดงพลังกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

และเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงได้ทำการปราศรัยบนรถขยายเสียง และโบกธงชาติไทย โจมตีการกระทำของกัมพูชา กรณีการวางทุ่นระเบิด ซึ่งผลการตรวจเป็นทุ่นระเบิดใหม่

นายพิชิต ระบุว่า วันนี้เดินทางมาที่สถานทูตกัมพูชา เพื่อมาประณามรัฐบาลกัมพูชาที่ปล่อยให้ทหารกัมพูชา รุกล้ำอธิไตยของประเทศไทย และถือเป็นภัยความมั่นคงร้ายแรง จึงขอประณามทหารและรัฐบาลกัมพูชาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง รวมถึงการยั่วยุทหารของประเทศไทยที่ปราสาทตาเมือนธมต่าง ๆ ของกัมพูชา เป็นการกระทำดูหมิ่นประเทศไทย เป็นภัยต่อความมั่นคงเช่นกัน

ทั้งนี้ การมาวางทุ่นระเบิด ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุ่นนั้นเป็นทุ่นเก่า และการวางระเบิดเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งอนุสัญญาบอกชัดว่าห้ามวางทุ่นระเบิดและกระทำในลักษณะวางทุ่นระเบิด

ดังนั้น การกระทำของกัมพูชา ถือเป็นตัดความสัมพันธ์กับไทยอย่างชัดเจน การที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์ครบรอบ 75 ปีนั้น แต่วันนี้พฤติกรรมของกัมพูชาไม่ได้เห็นความสัมพันธ์ที่ผ่านมา แต่มุ่งเน้นเข้ามารุกล้ำ ทำลายความมั่นคง ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แล้ว ดังนั้นในฐานะประชาชนเรียกร้องรัฐบาลให้มีการประท้วงกัมพูชาอย่างเป็นทางการ

การที่ทหารกัมพูชาจะวางระเบิดถ้าไม่ได้รับคำสั่งก็คงไม่กล้ามาวางระเบิดในดินแดนไทย ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงเป็นภัยนอกประเทศ ที่คนไทยต้องปกป้อง

พร้อมย้ำว่า ในฐานะประชาชนตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขอประณามและกล่าวหากัมพูชาทำลายความสัมพันธ์และเป็นภัยความมั่นคง เพราะทุ่นระเบิดสังหารเป็นอาวุธร้ายแรง ทั้งนี้หากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ประชาชนจะลุกมาปกป้องอธิปไตย

ถ้ากัมพูชาขนคนได้ คนไทยก็ขนคนได้ ถ้ารัฐบาลยังนิ่งเฉย เราก็พร้อมชุมนุมใหญ่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็พร้อมต้อนรับเช่นเดิม อย่ามัวแค่ประชุม แต่ต้องเรียกทูตกัมพูชาเพื่อทำการประท้วงโดยเร่งด่วน

สำหรับการทำกิจกรรมวันนี้ ทางตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (บก.น.4) และ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล(บช.ส.) รวม 100 นาย ได้นำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อย บริเวณด้านหน้าสถานทูตฯ รวมถึงมีการนำแผงเหล็กมาตั้งไว้ เพื่อดูแลความเรียบร้อย