
สรุปดราม่า! "วัดภูม่านฟ้า" กับข้อกล่าวหาลอกเลียนแบบ "นครวัด"
คมจบให้! สรุปดราม่าทำกัมพูชาเดือดจัด! "วัดภูม่านฟ้า" จ.บุรีรัมย์ ถูกกล่าวหาเลียนแบบ "นครวัด" ละเมิดมรดกโลก งานนี้มูฟเมนต์โซเชียลสะเทือนสองแผ่นดิน!
จากประเด็นร้อนแรงที่หลายคนจับตา! รัฐบาลกัมพูชาออกมาประณาม "วัดภูม่านฟ้า" จ.บุรีรัมย์ ว่าสร้างเลียนแบบ "ปราสาทนครวัด" มรดกโลกอันล้ำค่าของพวกเขา ทำเอาโลกโซเชียลของทั้งสองประเทศระอุ! เกิดอะไรขึ้น ใครพูดว่าอะไร และดราม่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร? ตามไปไขข้อข้องใจพร้อมกัน!
เมื่อรัฐบาลกัมพูชา โดยเฉพาะ ดร. เฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลปะของกัมพูชา ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการก่อสร้าง "วัดภูม่านฟ้า" ในอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย โดยกล่าวหาว่าวัดดังกล่าวมีการสร้างสถาปัตยกรรมที่ "เลียนแบบ" ปราสาทนครวัด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและมรดกโลกอันเป็นเอกลักษณ์ของกัมพูชาอย่างร้ายแรง
จุดเริ่มต้นของข้อกล่าวหา: ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว เพราะเคยมีกระแสจากชาวเน็ตกัมพูชาออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบ "วัดภูม่านฟ้า" มาตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ล่าสุด ข้อกล่าวหาได้ถูกยกระดับขึ้นเป็นการประณามอย่างเป็นทางการจากระดับรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการ "บ่อนทำลายคุณค่าสากลอันโดดเด่นและความแท้จริงของนครวัด" และยังเป็นการ "ละเมิดอัตลักษณ์และจิตวิญญาณของวัฒนธรรมชาติเขมร" รวมถึง "การละเมิดจริยธรรมด้านมรดกอย่างร้ายแรง" และผิดพันธกรณีในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญามรดกโลกของยูเนสโกปี 1972
"วัดภูม่านฟ้า" กับการชี้แจงจากฝ่ายไทย: เมื่อ ปี พ.ศ. 2564 ทางกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาออกแถลงการณ์หลังส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัดภูม่านฟ้า จ.บุรีรัมย์ ยืนยันว่า วัดไทยไม่ได้เลียนแบบนครวัด และทางเจ้าอาวาสไทยออกแบบเอง พร้อมให้ผู้เชี่ยวชาญกัมพูชาตรวจซ้ำได้ วัดภูม่านฟ้า ตั้งอยู่ที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ "อาณาจักรสีหนคร" หรือ "ปราสาทหินทราย" ซึ่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะขอมโบราณ แต่ทางฝ่ายวัดและชาวไทยได้ออกมาโต้แย้งว่า การสร้างปราสาทภายในวัดนั้นไม่ได้มีเจตนาลอกเลียนแบบนครวัดแต่อย่างใด แต่เป็นการสร้างขึ้นตามคติความเชื่อในพระพุทธศาสนา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นการแสดงออกถึงภูมิปัญญาการแกะสลักลวดลาย สถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นศิลปะที่มีรากฐานร่วมกันในภูมิภาคมาตั้งแต่โบราณ
เสียงสะท้อนจากโลกโซเชียล: ประเด็นนี้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา
ฝั่งกัมพูชา: ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความเห็นด้วยกับรัฐมนตรี แสดงความกังวลว่านี่คือการบ่อนทำลายอัตลักษณ์และมรดกของชาติ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง อาจถึงขั้นยื่นเรื่องต่อ UNESCO
ฝั่งไทย: มีทั้งผู้ที่แสดงความไม่พอใจกับการกล่าวหา "เคลมเก่ง" ของกัมพูชา โดยยืนยันว่าศิลปะแบบขอมมีรากฐานในดินแดนไทยมานาน และบางส่วนก็มองว่าการกล่าวหาเช่นนี้อาจเป็นความพยายามที่จะสร้างประเด็นในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังมีความละเอียดอ่อนในเรื่องอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ดราม่า "วัดภูม่านฟ้า vs นครวัด" ครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสถาปัตยกรรม แต่ยังสะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมและความรู้สึกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ที่จำเป็นต้องมีการสื่อสารและความเข้าใจที่รอบด้านต่อไป