ข่าว

เชื่อเงิน 12 ล. เป็นของ "ทวีวัฒน์" แต่ข้อมูลรายได้ยังไม่สอดคล้อง

เชื่อเงิน 12 ล. เป็นของ "ทวีวัฒน์" แต่ข้อมูลรายได้ยังไม่สอดคล้อง

10 มิ.ย. 2568

เชื่อเงิน 12 ล้าน เป็นของ "ทวีวัฒน์" เจ้าตัวเข้าชี้แจงรายละเอียดแล้ว แต่ข้อมูลรายได้ยังไม่สอดคล้องกับจำนวนเงิน

10 มิ.ย. 2568 พลตำรวจโทสุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า เบื้องต้น เรายังทำการสอบปากคำนายทวีวัฒน์ ในฐานะพยาน ซึ่งเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์มาก มีการส่งหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอจากนิติบุคคลที่เห็นกล่องลัง ว่าอยู่ภายในห้องและมีน้ำรั่วซึมจริง ตามคำให้การ ซึ่งตำรวจได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำไปแล้ว 

 

เชื่อเงิน 12 ล. เป็นของ \"ทวีวัฒน์\" แต่ข้อมูลรายได้ยังไม่สอดคล้อง

เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าเงินดังกล่าวเป็นของนายวิวัฒน์จริง แต่ต้องตรวจสอบว่า เงินถูกถอนมาจากบัญชีใคร วันที่ไปถอนเจ้าตัวไปเองหรือใครไปถอน รวมถึงเงินมาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร ซึ่งเงิน 12 ล้านบาทนี้ ถูกถอนมาในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 63 แต่ไม่ได้ออกมาครั้งเดียว จึงต้องตรวจสอบในประเด็นนี้เพิ่มเติม 
 

ส่วนก่อนหน้านี้ นายทวีวัฒน์ได้นำหลักฐานมาชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักฐานสอดคล้องกับเงิน 12 ล้านหรือไม่ พลตำรวจโทสุรพล กล่าวว่า หลักฐานเส้นทางการเงินที่นำมายื่น ยังไม่สอดคล้องกับรายได้ 12 ล้านที่เบิกออกมา ซึ่งจากการสอบปากคำ เจ้าตัวชี้แจงแล้วว่าถอนเงิน 12 ล้าน ออกมาเพื่อไปทำอะไร โดยหนึ่งในเหตุผล มีเรื่องของการเล่นการเมืองอยู่ด้วย แต่รายละเอียดต่างๆ อยู่ในสำนวน

 

เชื่อเงิน 12 ล. เป็นของ \"ทวีวัฒน์\" แต่ข้อมูลรายได้ยังไม่สอดคล้อง

พลตำรวจโทสุรพล กล่าวว่า การถอนเงินออกมาแล้วใส่ไว้ในห้องเฉยๆ ผิดวิสัยคนปกติ ซึ่งหากเป็นตน จะนำไปไว้ในธนาคาร เพราะยังได้ดอกเบี้ย แต่ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าของเงินที่จะเอาไปไว้ไหนก็ได้ ซึ่งตำรวจขอเวลาในการสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนตัวมองว่าคงไม่เป็นการจัดฉาก ทั้งนี้ จะเรียกตัวภรรยาของนายทวีวัฒน์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง และในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด


 

ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านโทรศัพท์ว่า วันพรุ่งนี้ หน่วยงาน 3 ป. ประกอบด้วย บก.ปปป. / ป.ป.ช. / ป.ป.ท. จะเข้าหารือและประสานข้อมูลกับตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อวางแนวทางการสืบสวนสอบสวน และขอเส้นทางการเงินกรณีเงิน 12 ล้านบาท ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยนายทวีวัฒน์ อ้างว่าเบิกเงินดังกล่าวมาในปี 63 ว่า มีการเบิกจ่ายจากธนาคารใด วันเวลาไหน และเบิกมาจำนวนเท่าไร อีกทั้งยังต้องตรวจสอบให้ได้ว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการว่าความที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นทนาย หรือเป็นเงินที่ได้มาแบบไม่ถูกต้อง


รวมถึง นายทวีวัฒน์จะต้องชี้แจงเหตุผลในการถอนเงินสดดังกล่าวด้วย และเหตุใด ทำไมไม่เอาเงินสดไว้ในตู้เซฟ ส่วนตัวมองว่าไม่สมเหตุสมผล ซึ่งไม่ใช่แค่ตนที่มองแบบนี้ สื่อและประชาชน รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบการทุจริตทุกคน ก็มองไปในทางเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงาน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้สักระยะ รับรองได้คำตอบแน่นอน