ข่าว

ทบ. ระบุ คดีทำร้าย "พลทหารวรปรัชญ์" ศาลสั่งจำคุก 13 ราย ชี้ ผิดวินัย-กฎหมาย

ทบ. ระบุ คดีทำร้าย "พลทหารวรปรัชญ์" ศาลสั่งจำคุก 13 ราย ชี้ ผิดวินัย-กฎหมาย

27 พ.ค. 2568

โฆษกกองทัพบก ระบุ คดีทำร้ายพลทหารใหม่ ศาลสั่งจำคุก 13 ราย ชี้ ผิดทั้งวินัยและกฎหมาย ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ที่พึ่งให้สังคม

ตามที่วันนี้ (27 พ.ค. 2568) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้อ่านคำพิพากษาในคดีกรณีการเสียชีวิตของ พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ซึ่งถูกครูฝึกและพลทหารรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ในหน่วยฝึกทหารใหม่ จังหวัดชลบุรี โดยศาลมีคำพิพากษาชั้นต้นให้จำคุกผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง รวม 13 คน

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวถือเป็นการกระทำผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง ละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง ฝ่าฝืนนโยบาย สำคัญของผู้บัญชาการทหารบก

ในนามของกองทัพบก ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ยังคงเป็นที่พึ่งอย่างดีให้สังคม ในการดำเนินการเพื่อให้คนที่ประพฤติไม่ดีได้รับผลพวงจากสิ่งที่กระทำ ไม่ว่าบุคคลนั้นๆ จะเป็นใคร อยู่ในสถานะเป็นบุคลากรขององค์กรใด
 

ทบ. ระบุ คดีทำร้าย \"พลทหารวรปรัชญ์\" ศาลสั่งจำคุก 13 ราย ชี้ ผิดวินัย-กฎหมาย

สำหรับกรณีนี้ เป็นการใช้ความรุนแรงต่อเพื่อนร่วมอาชีพ เพื่อนร่วมองค์กร ที่เสมือนเป็นเพื่อนร่วมสมาชิกของครอบครัว จึงเป็นเรื่องที่กองทัพบกไม่สามารถยอมรับได้ และจะร่วมกับทุกส่วนต่อสู้ให้ถึงที่สุด เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในยุคสมัยปัจจุบัน

คดีนี้ ทางหน่วยต้นสังกัดและกองทัพบก ได้สนับสนุนทุกวิถีทาง เพื่อให้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะกลไกกฎหมายทางวินัยทหาร ได้ถูกใช้อย่างเต็มระบบหลังเกิดเหตุทันที มีการควบคุมตัวผู้กระทำผิด ดำเนินการสอบสวนและลงโทษทางวินัยต่อผู้กระทำผิด รวมถึงผู้บังคับบัญชาโดยตรงในฐานะผู้ที่ต้องคอยกำกับดูแล

นอกจากนี้ ในระหว่างการสอบสวน มีผู้กระทำผิดบางรายพยายามหลบหนีออกจากหน่วยทหารและเจตนาหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม แต่ทางต้นสังกัดได้บูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีจนสำเร็จ

กองทัพบก ยังให้ความร่วมมือกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดในการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม จนนำไปสู่ผลคำพิพากษาของศาลในวันนี้ ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของกองทัพบก ที่ไม่ประสงค์ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และมุ่งมั่นดำเนินการทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบสูงสุดต่อสังคม