ข่าว

อดีต รอง สวป. ร้องอดีตผู้บังคับบัญชา กลั่นแกล้ง ถึงขั้นลาออก เครียดจนคิดสั้น

อดีต รอง สวป. ร้องอดีตผู้บังคับบัญชา กลั่นแกล้ง ถึงขั้นลาออก เครียดจนคิดสั้น

27 ก.พ. 2568

อดีต "รอง สวป." ร้องตรวจสอบ อดีตผู้บังคับบัญชา สวมชื่อ ตร. รับเบี้ยเลี้ยง โยกย้ายไม่เป็นธรรม เครียดถึงขั้นลาออก-คิดสั้น

27 ก.พ. 2568 ร.ต.อ.พิเชษฐ อินผักแว่น อายุ 58 ปี อดีตรอง สวป.สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ลาออกจากราชการเมื่อปี 2565 เพราะทนไม่ได้ที่ถูกผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้ง โดยได้นำหนังสือที่เคยร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหลักฐานสมุดบันทึกรายงานวันเวลา การปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ และรูปถ่ายขณะออกปฏิบัติหน้าที่ ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และร้องให้ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้บังคับบัญชา สภ.ปะคำ สมัยดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2564

ผู้กองพิเชษฐ อ้างว่า เมื่อปี 2564 ช่วงที่ขอย้ายจาก สภ.หนองไม้งาม อ.บ้านกรวด มา สภ.ปะคำ เนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ปะคำ แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา (สมัยนั้น) ทั้งกรณีที่ออกปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ ทั้งด่านความมั่นคง จุดตรวจกวดขันวินัยจราจร และจุดตรวจโควิด แต่กลับไม่มีรายชื่อประจำจุดตรวจ และไม่มีชื่อในการรับเบี้ยเลี้ยง หรือรางวัลนำจับเลย

ยิ่งไปกว่านั้นกลับมีรายชื่อของตำรวจจากสายงานต่างๆ มากกว่า 10 นาย ที่ไม่ได้ปฏิบัติงานจริง เบิกเบี้ยเลี้ยงโควิด แม้แต่ตำรวจที่ขาขาด นิ้วขาด ซึ่งทำหน้าที่เวรวิทยุ ก็มีชื่อประจำจุดตรวจและมีชื่อเบิกเบี้ยเลี้ยงโควิดด้วย ส่วนตนมีทั้งหลักฐานการลงวันเวลาในการปฏิบัติหน้าที่จริง พร้อมรูปถ่ายยืนยัน แต่กลับไม่มีรายชื่อประจำจุดตรวจ และไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง

อดีต รอง สวป. ร้องอดีตผู้บังคับบัญชา กลั่นแกล้ง ถึงขั้นลาออก เครียดจนคิดสั้น

เมื่อไปสอบถามทักท้วงผู้บังคับบัญชากลับไม่พอใจ สุดท้ายมีคำสั่งโยกย้ายจาก รอง สวป.สภ.ปะคำ ไปปฏิบัติหน้าที่รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ ที่ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งห่างไกลจากบ้านเกือบ 100 กิโลเมตร แถมยังถูกตัดเงินประจำตำแหน่งอีกเดือนละ 3,000 บาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อนต่อค่าใช้จ่ายในครอบครัว พอทำเรื่องร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่มีผลสรุปว่าไม่มีมูล

ผู้กองพิเชษฐ ตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการที่ร่วมสอบฯ บางคนเป็น นรต. รุ่นเดียวกัน อาจมีการช่วยเหลือกัน ทำให้เกิดความเครียดถึงขั้นคิดสั้น เพราะขนาดมีหลักฐานยังสรุปว่าไม่มีมูล เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม สุดท้ายจึงตัดสินใจลาออกเพื่อเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมถึงที่สุด ซึ่งได้ไปร้อง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ และ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องต่อไปยัง ป.ป.ท. ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

จากกรณีที่เกิดขึ้นอยากขอความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยว่า ในเมื่อกับผู้ใต้บังคับบัญชาคุณยังไม่ให้ความเป็นธรรม แล้วประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร ส่วนที่ตัดสินใจลาออกทั้งที่เหลืออายุราชการเพียงไม่กี่ปี เพราะต้องการจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด

อดีต รอง สวป. ร้องอดีตผู้บังคับบัญชา กลั่นแกล้ง ถึงขั้นลาออก เครียดจนคิดสั้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.ปะคำ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ไม่มีตำรวจนายใดสะดวกให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์สอบถามตำรวจที่ถูกระบุว่ามีรายชื่อรับเบี้ยเลี้ยงจุดตรวจโควิด 2 นาย ให้ข้อมูลเพียงว่าช่วงนั้นตำรวจไม่เพียงพอ แม้จะไม่ได้อยู่สายปราบปรามแต่ก็ออกปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และได้รับเบี้ยเลี้ยงจริง ส่วนผู้กองพิเชษฐ ที่ร้องเรียนว่าปฏิบัติหน้าที่แต่ไม่ได้เบี้ยเลี้ยงนั้น ก็ไม่ทราบข้อมูล ส่วนอีกนายบอกเพียงว่ามันหลายปีแล้ว จึงจำข้อมูลไม่ได้ว่าออกตรวจตอนไหน และได้รับเบี้ยเลี้ยงหรือไม่