
ฝันค้าง! บอร์ดประกันสังคม ตีกลับสูตรคำนวณเงินบำนาญใหม่ ม.33 - ม.39 ชวดสิทธิ
ฝันค้าง! บอร์ดประกันสังคม ตีกลับสูตรคำนวณเงินบำนาญใหม่ ม.33 และม.39 ผู้ประกันตนชวดสิทธิ เลื่อนพิจารณากลางเดือน มี.ค.นี้ ยัน! สูตรใหม่ไม่ซับซ้อน ปรับตาม เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ
การพิจารณาปรับปรุงสิทธิประโยชน์ กรณีชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และ มาตรา 39 ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดฯ และต้องขอโทษผู้ประกันตนทุกท่าน รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการประชุมค (บอร์ดสปส.) ชุดใหญ่
โดยกล่าวว่า.... มีวาระพิจารณาเรื่องปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนตามาตรา 33 และมาตรา 39 โดยเป็นการเสนอเรื่องการปรับสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพใหม่ ซึ่งผ่านความเห็นชอบของอนุกรรมการแล้วเมื่อเดือน ตุลาคม 2567 แต่บอร์ดยังไม่ได้รับการพิจารณาเรื่องสูตรคำนวณบำนาญแบบใหม่ โดยให้ยกไปพิจารณาในการประชุมครั้งหน้าที่ระบุไว้คือต้นเดือนมี.ค.2568 ส่วนจะสามารถบังคับใช้ได้เมื่อไหร่นั้น ขอให้ติดตาม โดยบอร์ดให้เหตุผลว่ายังไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจโดยรวมได้
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ย้ำว่า สูตรการคำนวณนี้นำเสนอผ่านอนุกรรมการฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นสูตรที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ และ ค่าครองชีพ หากเคยได้เงิน 5,000 บาท เมื่อ 20 ปีก่อน สูตรนี้จะคำนวณใหม่ว่า เทียบเท่ากับเงินเดือน 7,000 บาท ในปัจจุบัน และ ใช้การคำนวณเงินเดือนตลอดอายุทำงาน เพราะค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงไป
“สิ่งนี้จะกระทบกับผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเพิ่มขึ้นใช้สูตรคำนวณแบบใหม่ราว 3 แสนคน ที่จะได้เพิ่มจากเฉลี่ยราว 1,000 บาท ขยับเป็น 2,000 บาทต่อเดือน เมื่อบอร์ดยังไม่ผ่านเรื่อง จึงเป็นความเจ็บปวด ยกตัวอย่าง มีผู้ประกันตนมาตรา 39 แต่เงินบำนาญของเขา จะลดลงไปประมาณ 50 % หากยังส่งมาตรา 39 ต่อไป คนที่จะต้องส่งเงินสมทบ 432 บาท แต่จะได้รับเงินบำนาญเพียงเดือนละพันกว่าบาท” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์กล่าว
ประกันสังคม จะต้องใช้เงินเยอะขึ้น แต่ฝ่ายวิจัยคำนวณแล้วว่าไม่ได้ส่งผลต่อกองทุนฯ ในระยะ 10 ปี โดยจะใช้จำนวนเงินราว 6 หมื่นล้านบาท จากเงินในกองทุนที่มี 2.6 ล้านล้านบาท โดยจะช่วยผู้ประกันตนมากกว่า 3 แสนราย ที่ได้รับประโยชน์โดยตรง รวมทั้งชดเชยผู้ที่ได้รับเงินบำนาญน้อยลงในเงื่อนไขสูตรบำนาญใหม่
ทั้งนี้จะเป็นปัญหาใหญ่มาก หากไม่สามารถทำให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่อยากจะสื่อสาร คือ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการบริหารงบประมาณมากกว่า 5 พันล้านบาทต่อปีเกิดขึ้น หากกองทุนฯ ไม่โปร่งใส จึงเกิดการตั้งคำถามได้ เพื่อให้กองทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องการจัดการแอปพลิเคชั่น หาก มีการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสมก็จะมีการตรวจสอบสิ่งที่ดำเนินการในระยะเวลา 1 ปีที่เหลือ ทั้งเรื่องการปรับเงินสงเคราะห์บุตร การเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน รวมทั้งบำนาญ เพื่อสิทธิประโยชน์ที่เป็นธรรมของผู้ประกันตน



