ข่าว

สปส.ย้ำ! ประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น แจงยิบสิทธิประโยชน์ 7 กรณี

สปส.ย้ำ! ประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น แจงยิบสิทธิประโยชน์ 7 กรณี

24 ก.พ. 2568

สปส. ย้ำ! ประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น ชี้ให้ทั้งบริการทางการแพทย์ เงินทดแทนขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย พร้อมแจงยิบสิทธิประโยชน์ 7 กรณี

 

จากกรณีการเปรียบเทียบข้อมูลประเด็นการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ระหว่างสิทธิประกันสังคมและสิทธิบัตรทองว่า มีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการดูแลระบบประกันสังคมคุ้มครองทั้ง 7 กรณี ตั้งแต่เกิดจนวาระสุดท้ายของผู้ประกันตน ได้แก่

  1. เจ็บป่วย 
  2. ทุพพลภาพ 
  3. เสียชีวิต 
  4. คลอดบุตร 
  5. สงเคราะห์บุตร 
  6. ชราภาพ
  7. ว่างงาน

ระบบประกันสุขภาพของผู้ประกันตนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิทธิประโยชน์ใน 7 กรณีดังกล่าว ที่มีการให้ทั้งบริการทางการแพทย์และเงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วยไม่สามารถทำงานได้ ทั้งนี้ เงินที่ใช้จ่ายในการจัดระบบสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมทั้ง 7 กรณี มาจากการจัดเก็บเงินสมทบจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ประกันตน และนายจ้าง ในอัตราฝ่ายละ 5% และเก็บจากรัฐบาล ในอัตรา 2.75% รวม 3 ฝ่าย 12.75%  

 

สปส.ย้ำ! ประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น แจงยิบสิทธิประโยชน์ 7 กรณี

ปัจจุบันมีผู้ประกันตนในระบบกว่า 24.73 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 (ประกันสังคมภาคสมัครใจแรงงานอิสระ)  

 

 

สปส.ย้ำ! ประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น แจงยิบสิทธิประโยชน์ 7 กรณี

ด้านทันตกรรม คุ้มครองครอบคลุมบริการ ถอนฟัน ผ่าฟันคุด อุดฟัน ขูดหินปูน เบิกได้ในอัตรา 900 บาท/คน/ปี สามารถเข้ารับบริการในสถานพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรมที่ MOU ได้ทุกแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน มากกว่า 20,196 แห่ง

โดยผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่าย รวมทั้งจัดบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการ ณ สถานประกอบการ นอกจากนี้ สามารถเบิกฟันเทียมไม่จำกัดวัสดุได้สูงสุดไม่เกิน 4,400 บาทต่อปี กรณีบริการรักษาโรคทางช่องปาก ครอบคลุมอยู่ในเหมาจ่ายของสถานพยาบาลที่กำหนดสิทธิ รวมทั้งอยู่ระหว่างการปรับเพิ่มสิทธิเพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงสิทธิในการดูแลช่องปากและฟันอย่างมีคุณภาพมากขึ้น

 

สปส.ย้ำ! ประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น แจงยิบสิทธิประโยชน์ 7 กรณี

 

ยกระดับการรักษา 5 โรคสำคัญ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง นิ่วในไตและถุงน้ำดี มะเร็งเต้านม และก้อนเนื้อที่มดลูกและหรือรังไข่ เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับการผ่าตัดรักษาภายใน 15 วัน

โดยผู้ประกันตนสามารถเดินทางไปรับการรักษา ณ โรงพยาบาลตามสิทธิ หรือ โรงพยาบาลที่ทำความตกลง (MOU) จึงลดระยะเวลาการรอคอยการผ่าตัด ลดภาวะแทรกซ้อนไม่ให้อาการของโรคมีความรุนแรงมากขึ้น ช่วยลดระยะเวลาการพักฟื้น ส่งผลให้ผู้ประกันตนกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เพิ่มทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็งนอกเหนือจากสถานพยาบาลตามสิทธิ สามารถเลือกรักษากับสถานพยาบาลที่มีศักยภาพและเชี่ยวชาญในการรักษาโรคมะเร็งตามที่สำนักงานกำหนดเพิ่มเติมได้

โดยครอบคลุมรักษา โรคมะเร็งได้ทุกชนิด รวมถึงการสนับสนุนค่ายาในบัญชียาหลักแห่งชาติและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาฮอร์โมนและค่ายามุ่งเป้า ซึ่งเป็นยาราคาสูงที่อยู่ในบัญชียา จ(2) และการจ่ายเพิ่มเติมค่ายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ 

 

การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (ปลูกถ่ายไขกระดูก) คุ้มครอง 8 โรค โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ป่วยในการรับบริการ กรณีปลูกถ่ายโดยใช้เนื้อเยื่อตนเองหรือพี่น้องหรือเนื้อเยื่อผู้บริจาคที่บริจาคผ่านสภากาชาดไทย ในอัตรา 750,000 -  1,300,000 บาท/ราย
          
 

 

สปส.ย้ำ! ประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิอื่น แจงยิบสิทธิประโยชน์ 7 กรณี

 

การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เน้นการป้องกันดีกว่าการรักษา โดยผู้ประกันตนนอกจากตรวจสุขภาพพื้นฐานสำหรับคนไทยทุกสิทธิของ สปสช. 24 รายการ ได้แล้ว กองทุนประกันสังคมยังเพิ่มเติมสิทธิการตรวจสุขภาพให้กับผู้ประกันตนเพิ่มเติมจากสิทธิพื้นฐาน ทั้งเพิ่มความถี่ ช่วงอายุ และรายการในการตรวจสุขภาพที่จำเป็นเพิ่มขึ้น เช่น การตรวจมะเร็งเต้านม ตรวจการทำงานของไต คัดกรองการได้ยิน การเอ็กซเรย์ทรวงอก เป็นต้น

โดยผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และจัดบริการตรวจสุขภาพเชิงรุกไปยังสถานประกอบการและชุมชนต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการตรวจสุขภาพที่สะดวก รวดเร็ว รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลสุขภาพของผู้ประกันตน และมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้ผู้ประกันตนอายุ 50 ปีขึ้นไปด้วย