ข่าว

รวมประโยคบอกรัก ผ่าน "ดวงจันทร์" เพิ่มความโรแมนติก ในค่ำคืน "วันวาเลนไทน์"

รวมประโยคบอกรัก ผ่าน "ดวงจันทร์" เพิ่มความโรแมนติก ในค่ำคืน "วันวาเลนไทน์"

14 ก.พ. 2568

วันวาเลนไทน์ ไม่รู้จะบอกรักยังไง ให้ไม่มีคำว่ารัก ด้วย ประโยคบอกรักผ่าน "ดวงจันทร์" สุดโรแมนติก ที่จะทำให้กลายเป็นคำคืนที่พิเศษ

"วันวาเลนไทน์" วันแห่งความรัก ที่หลายคนคาดหวังจะได้ยินคำว่า "รัก" จากใครสักคนหนึ่ง และการบอกรัก บางครั้งอาจไม่มีคำว่า "รัก" เท่านั้น "ดวงจันทร์" เป็นสิ่งหนึ่งที่ใช้เป็นสื่อกลางทางความรู้สึกในใจที่ถูกใช้เป็นตัวแทนของคำว่า "รัก" และเพิ่มความโรแมนติกให้กับคำคืนแสนหวานได้อย่างมาก แล้วดวงจันทร์ อยู่ในประโยคไหนของการบอกรักบ้าง 

 

"คืนนี้ดวงจันทร์สวยดีนะ"

 

月が綺麗ですね "คืนนี้ดวงจันทร์สวยดีนะ" ประโยคบอกรักจาก นักประพันธ์ชาวญี่ปุ่นชื่อดัง นัตสึเมะ โซเซกิ (1867-1916) (ผู้ซึ่งเคยปรากฏอยู่บนธนบัตร 1000 เยนของญี่ปุ่นในซีรีส์ D) ในยุคที่เขาสอนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัย เขาเหลือบไปเห็นนักศึกษาญี่ปุ่นคนหนึ่ง กำลังแปลประโยคภาษาอังกฤษว่า "I love you" เป็น "วาเระ คิมิ โวะ ไอสึ" หรือแปลตรงตัวว่า "ฉันรักเธอ" นัตสึเมะ โซเซกิ ก็ส่ายหน้า ตำหนินักเรียนว่าแม้ว่าการแปลนี้จะตรงตามความหมาย แต่…นี่มันช่างขาดจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่น! เพราะว่าการแปลตรงตัวแบบนี้ไม่ได้คำนึงถึงบริบทของสังคมและวัฒนธรรมที่ถูกต้อง ซึ่งชาวญี่ปุ่นในยุคนั้นการจะบอกรักไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะบอกกันตรงไปตรงมาเช่นนั้น

 

เมื่อถามว่าการแปลที่ถูกควรจะเป็นอย่างไร เขาจึงตอบไปว่า "สึกิ กะ คิเร เดะสึเนะ" (月が綺麗ですね) ซึ่งแปลได้ว่า "คืนนี้ดวงจันทร์สวยดีนะ" ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการบอกที่อ้ออออออมค้อมสุด ๆ ไปเลยตามสไตล์ของชายญี่ปุ่นในยุคนั้น แต่กลับแอบแฝงไปด้วยความแอบโรแมนติก นอกจากนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการเล่นคำพ้องเสียง เนื่องจากคำว่า "ดวงจันทร์" (月 - สึกิ) นั้นแอบมีเสียงคล้ายคลึงกับคำว่า "ชอบ" (好き - สึกิ) อีกด้วย

"ดวงจันทร์แทนใจฉัน"

 

月亮代表我的心 "ดวงจันทร์แทนใจฉัน" ประโยคนี้ มาจากชื่อเพลงภาษาจีนในตำนานสุดคลาสสิกของเติ้งลี่จวิน "ยเวี่ยเหลียงไต้เปี๋ยวหว่อเตอซิน" หรือแปลเป็นไทยว่า "ดวงจันทร์แทนใจฉัน" ซึ่งมีเนื้อเพลงเกี่ยวกับสตรีผู้หนึ่งที่ถูกคนรักถามว่า เธอรักเขามากแค่ไหน แทนที่จะสาธยายยาว ๆ เธอกลับเลือกที่จะตอบสั้น ๆ ว่า "ให้ดวงจันทร์แทนใจฉัน" โดยให้ความเรียล และความมั่นคงถาวรไม่เปลี่ยนแปลงไปของดวงจันทร์นั้นเป็นตัวแทนของความจริงใจและความไม่แปรเปลี่ยนของความรักของเธอ

 

ซึ่งแน่นอนว่าในแง่ของความมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนนั้น เติ้งลี่จวินคงไม่ได้พูดถึงดวงจันทร์ในแง่ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 4,500 ล้านปีที่แล้ว และกำลังค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากโลก 3.78 ซม. ในทุก ๆ ปี และที่เคยถูกกระหน่ำไปด้วยอุกกาบาตในยุค Late Heavy Bombardment แต่ทั้งหมดนี้ถ้าเทียบกับชั่วอายุของมนุษย์แล้วก็คงถือว่ายืนยาวและไม่เปลี่ยนแปลงได้ล่ะมั้ง

I love you to the moon and back "รักเธอมากไปถึงดวงจันทร์ แล้วกลับมาอีกรอบ"

 

วลีภาษาอังกฤษนี้มีต้นกำเนิดมาจากนิยายเด็กที่มีชื่อว่า "Guess How Much I love You" แต่งโดย แซม แม็คบราทนีย์ และวาดภาพประกอบโดย แอนิต้า เฌอแรม ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระต่ายพ่อลูกสองตัว ที่ระหว่างพ่อกำลังจะกล่อมนอน ลูกก็ให้พ่อทายว่าเขารักพ่อมากแค่ไหน ซึ่งทุก ๆ ครั้งที่ลูกพยายามจะอ้าแขนกว้างที่สุดว่ารักพ่อเท่านี้ พ่อก็จะบลั๊ฟกลับว่าแต่พ่อรักลูกมากกว่า และอ้าแขนกว้างไปอีก หลักจากบลั๊ฟกันไปกันมาสักพักจนเริ่มง่วง ลูกกระต่ายก็เหลือบไปเห็นดวงจันทร์ และบอกพ่อว่า "ผมรักพ่อไกลถึงดวงจันทร์เลย" พร้อมกับที่ง่วงจนเกือบหลับไปพอดี พ่อที่เริ่มกังวลว่าโอ้ ดวงจันทร์นี่ไกลฉิบเลยนะ จึงเอาลูกวางลงนอนช้าๆ และกระซิบกลับไปว่า "แต่พ่อรักลูกไปถึงดวงจันทร์ แล้วกลับมาอีกรอบเลยนะ" จึงเป็นที่มาของวลียอดฮิตว่า "I love you to the moon and back"

 

จะเห็นได้ว่า "ดวงจันทร์" นั้นมักจะเป็นวัตถุโรแมนติกสุดคลาสสิกเสมอมา ที่กวีและนักประพันธ์มักจะกล่าวถึงและเป็นตัวแทนถึงความรัก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความงดงาม ความคงทนสม่ำเสมอ หรือระยะทางอันไกลแสนไกล ในโอกาสวันวาเลนไทน์นี้ ใครที่สนใจจะชวนคนไปดูดวงจันทร์สื่อแทนความในใจ ก็สามารถดูดวงจันทร์ค่อนดวงขึ้นทางทิศตะวันออกได้เวลาประมาณสองทุ่ม

 

เรียบเรียงข้อมูลโดย : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ