
รวมประโยคบอกรัก ผ่าน "ดวงจันทร์" เพิ่มความโรแมนติก ในค่ำคืน "วันวาเลนไทน์"
วันวาเลนไทน์ ไม่รู้จะบอกรักยังไง ให้ไม่มีคำว่ารัก ด้วย ประโยคบอกรักผ่าน "ดวงจันทร์" สุดโรแมนติก ที่จะทำให้กลายเป็นคำคืนที่พิเศษ
"วันวาเลนไทน์" วันแห่งความรัก ที่หลายคนคาดหวังจะได้ยินคำว่า "รัก" จากใครสักคนหนึ่ง และการบอกรัก บางครั้งอาจไม่มีคำว่า "รัก" เท่านั้น "ดวงจันทร์" เป็นสิ่งหนึ่งที่ใช้เป็นสื่อกลางทางความรู้สึกในใจที่ถูกใช้เป็นตัวแทนของคำว่า "รัก" และเพิ่มความโรแมนติกให้กับคำคืนแสนหวานได้อย่างมาก แล้วดวงจันทร์ อยู่ในประโยคไหนของการบอกรักบ้าง
"คืนนี้ดวงจันทร์สวยดีนะ"
月が綺麗ですね "คืนนี้ดวงจันทร์สวยดีนะ" ประโยคบอกรักจาก นักประพันธ์ชาวญี่ปุ่นชื่อดัง นัตสึเมะ โซเซกิ (1867-1916) (ผู้ซึ่งเคยปรากฏอยู่บนธนบัตร 1000 เยนของญี่ปุ่นในซีรีส์ D) ในยุคที่เขาสอนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัย เขาเหลือบไปเห็นนักศึกษาญี่ปุ่นคนหนึ่ง กำลังแปลประโยคภาษาอังกฤษว่า "I love you" เป็น "วาเระ คิมิ โวะ ไอสึ" หรือแปลตรงตัวว่า "ฉันรักเธอ" นัตสึเมะ โซเซกิ ก็ส่ายหน้า ตำหนินักเรียนว่าแม้ว่าการแปลนี้จะตรงตามความหมาย แต่…นี่มันช่างขาดจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่น! เพราะว่าการแปลตรงตัวแบบนี้ไม่ได้คำนึงถึงบริบทของสังคมและวัฒนธรรมที่ถูกต้อง ซึ่งชาวญี่ปุ่นในยุคนั้นการจะบอกรักไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะบอกกันตรงไปตรงมาเช่นนั้น
เมื่อถามว่าการแปลที่ถูกควรจะเป็นอย่างไร เขาจึงตอบไปว่า "สึกิ กะ คิเร เดะสึเนะ" (月が綺麗ですね) ซึ่งแปลได้ว่า "คืนนี้ดวงจันทร์สวยดีนะ" ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการบอกที่อ้ออออออมค้อมสุด ๆ ไปเลยตามสไตล์ของชายญี่ปุ่นในยุคนั้น แต่กลับแอบแฝงไปด้วยความแอบโรแมนติก นอกจากนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการเล่นคำพ้องเสียง เนื่องจากคำว่า "ดวงจันทร์" (月 - สึกิ) นั้นแอบมีเสียงคล้ายคลึงกับคำว่า "ชอบ" (好き - สึกิ) อีกด้วย
"ดวงจันทร์แทนใจฉัน"
月亮代表我的心 "ดวงจันทร์แทนใจฉัน" ประโยคนี้ มาจากชื่อเพลงภาษาจีนในตำนานสุดคลาสสิกของเติ้งลี่จวิน "ยเวี่ยเหลียงไต้เปี๋ยวหว่อเตอซิน" หรือแปลเป็นไทยว่า "ดวงจันทร์แทนใจฉัน" ซึ่งมีเนื้อเพลงเกี่ยวกับสตรีผู้หนึ่งที่ถูกคนรักถามว่า เธอรักเขามากแค่ไหน แทนที่จะสาธยายยาว ๆ เธอกลับเลือกที่จะตอบสั้น ๆ ว่า "ให้ดวงจันทร์แทนใจฉัน" โดยให้ความเรียล และความมั่นคงถาวรไม่เปลี่ยนแปลงไปของดวงจันทร์นั้นเป็นตัวแทนของความจริงใจและความไม่แปรเปลี่ยนของความรักของเธอ
ซึ่งแน่นอนว่าในแง่ของความมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนนั้น เติ้งลี่จวินคงไม่ได้พูดถึงดวงจันทร์ในแง่ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 4,500 ล้านปีที่แล้ว และกำลังค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากโลก 3.78 ซม. ในทุก ๆ ปี และที่เคยถูกกระหน่ำไปด้วยอุกกาบาตในยุค Late Heavy Bombardment แต่ทั้งหมดนี้ถ้าเทียบกับชั่วอายุของมนุษย์แล้วก็คงถือว่ายืนยาวและไม่เปลี่ยนแปลงได้ล่ะมั้ง
I love you to the moon and back "รักเธอมากไปถึงดวงจันทร์ แล้วกลับมาอีกรอบ"
วลีภาษาอังกฤษนี้มีต้นกำเนิดมาจากนิยายเด็กที่มีชื่อว่า "Guess How Much I love You" แต่งโดย แซม แม็คบราทนีย์ และวาดภาพประกอบโดย แอนิต้า เฌอแรม ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระต่ายพ่อลูกสองตัว ที่ระหว่างพ่อกำลังจะกล่อมนอน ลูกก็ให้พ่อทายว่าเขารักพ่อมากแค่ไหน ซึ่งทุก ๆ ครั้งที่ลูกพยายามจะอ้าแขนกว้างที่สุดว่ารักพ่อเท่านี้ พ่อก็จะบลั๊ฟกลับว่าแต่พ่อรักลูกมากกว่า และอ้าแขนกว้างไปอีก หลักจากบลั๊ฟกันไปกันมาสักพักจนเริ่มง่วง ลูกกระต่ายก็เหลือบไปเห็นดวงจันทร์ และบอกพ่อว่า "ผมรักพ่อไกลถึงดวงจันทร์เลย" พร้อมกับที่ง่วงจนเกือบหลับไปพอดี พ่อที่เริ่มกังวลว่าโอ้ ดวงจันทร์นี่ไกลฉิบเลยนะ จึงเอาลูกวางลงนอนช้าๆ และกระซิบกลับไปว่า "แต่พ่อรักลูกไปถึงดวงจันทร์ แล้วกลับมาอีกรอบเลยนะ" จึงเป็นที่มาของวลียอดฮิตว่า "I love you to the moon and back"
จะเห็นได้ว่า "ดวงจันทร์" นั้นมักจะเป็นวัตถุโรแมนติกสุดคลาสสิกเสมอมา ที่กวีและนักประพันธ์มักจะกล่าวถึงและเป็นตัวแทนถึงความรัก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความงดงาม ความคงทนสม่ำเสมอ หรือระยะทางอันไกลแสนไกล ในโอกาสวันวาเลนไทน์นี้ ใครที่สนใจจะชวนคนไปดูดวงจันทร์สื่อแทนความในใจ ก็สามารถดูดวงจันทร์ค่อนดวงขึ้นทางทิศตะวันออกได้เวลาประมาณสองทุ่ม
เรียบเรียงข้อมูลโดย : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ