ข่าว

พระพยอม เตือนนายกฯ ชั่งน้ำหนัก ข้อดี-ข้อเสีย แก้ กม. ขายเหล้าวันพระ

พระพยอม เตือนนายกฯ ชั่งน้ำหนัก ข้อดี-ข้อเสีย แก้ กม. ขายเหล้าวันพระ

11 ก.พ. 2568

พระพยอม เตือนนายกฯ ชั่งน้ำหนัก ข้อดี-ข้อเสีย แก้กฎหมาย ขายเหล้าวันพระ ชี้ หากกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็แล้วแต่รัฐบาล

จากกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ครม. มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการแก้กฎหมายเรื่องการห้ามขายเครืองดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ช่วงเวลา 14.00 น. ถึง 17.00 น. รวมทั้งเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวนั้น

11 ก.พ. 2568 พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องนี้มีความพยายามกันมานานแล้ว ต้นคิดคนแรกของประเทศไทยเป็นคนยศ พ.ต.อ. ที่นครราชสีมา เรียกร้องให้ทำเรื่องนี้ขึ้น โดยทดลองที่อำเภอเดียวก่อน แล้วก็มีการทดลองทำกันมา เพียงแต่ว่าตอนนั้นกับตอนนี้ มันแตกต่างกัน ไม่ขายเหล้าก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเสียหายอะไร เห็นใจรัฐบาลอยู่เหมือนกัน ว่าจะหาวิธีการอย่างไร มาทำให้เศรษฐกิจของประเทศมันฟื้น

พระพยอม กล่าวอีกว่า พอมาดูถ้ามันจะฟื้นได้ก็มีเรื่องการท่องเที่ยวมาเป็นอันดับหนึ่ง มีคนเที่ยว คนกิน คนใช้ เศรษฐกิจ มันถึงจะขับเคลื่อนได้ ซึ่งพอเป็นแบบนี้ มันต้องมาชั่งน้ำหนักกันว่า ระหว่างเศรษฐกิจกับธุรกิจมอมเมา ผลมันจะออกมาอย่างไร ถ้าได้เศรษฐกิจดี แต่ต้องแก้ต้องยกเลิกบางอย่าง มาเทียบกับการรักษาไว้ เหมือนต้องเลือกเอาระหว่างเศรษฐกิจกับศีลธรรม คงต้องเลือกเอาสักอย่าง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

พระพยอม ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้มันอยู่ที่ตัวบุคคลด้วย เหมือนเกลือรักษาความเค็ม เราเคยดี เคยปฎิบัติอย่างไง เราก็ดีของเราอย่างนั้น ชาติอื่นจะมากินดื่มเที่ยวอย่างไร เป็นเรื่องของเขา เราอย่าไปทำตามแบบเขา แม้ว่าเราจะมีฐานะดี ทำตามแบบเขาได้ก็ตาม แต่เราต้องเป็นคนดี ที่มีฐานะดีด้วย อันนั้นสำคัญที่สุด หรือถ้าฐานะไม่ดี แต่ปฎิบัติตัวเป็นคนดี ก็จะดีกับประเทศชาติและพระศาสนา กลายเป็นคนดีที่ประพฤติตามหลักพระศาสนาต่อไป
 

พระพยอม เตือนนายกฯ ชั่งน้ำหนัก ข้อดี-ข้อเสีย แก้ กม. ขายเหล้าวันพระ

ปัญหาเรื่องน้ำเมาหรือที่เรียกว่าน้ำผลาญสตินั้น คนเราถ้าสติไม่ดีก็จะเกิดเรื่องเสียๆ ได้โดยง่าย แต่ถ้าเราสติดีมันเป็นเครื่องช่วยยับยั้ง หักห้าม เหนี่ยวรั้งเอาไว้ให้ เรื่องนี้ขอให้ดูเหตุดูผลกันให้ดีก่อน แต่ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจมันไม่ดี จนต้องใช้วิธีนี้มาแก้ไข ก็แล้วแต่รัฐบาล

อาตมาขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ไปชั่งน้ำหนักเรื่องนี้ดูให้ดี ข้อดีข้อเสียผลดีผลร้าย อันไหนจะกระทบมากกว่ากัน ถ้ามันเกิดผลเสียมากกว่าก็ขอให้ยับยั้งไว้ก่อน แต่ถ้าไตร่ตรองดูแล้วว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ศีลธรรมก็ดี ก็ทำกันไป

"เรื่องก็คงกระทบไปถึงตัวคน บางคนเคยทำได้ ลดได้ ละได้ พอรัฐบาลมาเปิดโอกาสให้แบบนี้ก็อาจจะงด อาจจะเว้นต่อไปไม่ได้ เพราะนิสัยมนุษย์ชอบปล่อยตัวปล่อยใจไหลไปตามน้ำ ไม่ได้ลอยทวนน้ำ พอรัฐบาลมาแก้กฎหมายให้ตามใจก็ไปกันใหญ่" พระพยอม กล่าว