
อย่าเพิ่งดีใจ! สตช. ย้ำ ใบสั่งจราจรเดิม ยังมีผลตามกฎหมาย ทำผิด ต้องเสียค่าปรับ
อย่าเพิ่งดีใจ! สตช. ย้ำ ใบสั่งจราจรเดิม ยังมีผลตามกฎหมาย ระยะ 180 วัน นับแต่วันศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา ผู้กระทำผิด ต้องเสียค่าปรับ ตามกำหนด
จากกรณีเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีขอเพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องกำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ. 2563 และเรื่องการกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น
พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์จราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูงานงานจราจร ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจนลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายการจราจร
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า รูปแบบใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจร และการกำหนดอัตราค่าปรับในปัจจุบัน ยังคงมีผลใช้บังคับตามกฎหมายต่อไปเป็นระยะเวลา 180 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา
ดังนั้น ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจร ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าฝืนสัญญาณไฟ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถบนทางเท้า ขับรถย้อนศร ไม่สวมหมวกนิรภัย และข้อหาอื่น ๆ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทาง พ.ศ.2522 และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจร โดยถูกเจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งจราจรตามความผิดนั้นๆ ที่ปรากฏ ยังคงถือเป็นผู้กระทำผิดกฎจราจร และต้องรับโทษปรับเป็นพินัยตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ซึ่งปัจจุบันในการออกใบสั่งจราจรจะมีการระบุข้อความแจ้งสิทธิ ตามกฎหมายว่าด้วยการปรับพินัยให้ประชาชนทราบด้วยทุกครั้ง
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ดำเนินการปรับปรุงรูปแบบใบสั่งและเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าปรับ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด รวมทั้งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ประกาศใช้บังคับโดยเร็วตามกรอบระยะเวลาต่อไป จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ได้รับทราบ และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางท้องถนน ด้วยการรักษากฎหมายจราจร มีน้ำใจต่อเพื่อร่วมทาง เพื่อความปลอดภัยของท่าน บุคคลอันเป็นที่รัก และผู้ที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน