
เปิดละเอียด สาเหตุ "สมรักษ์ คำสิงห์" ดิ้นไม่หลุด คดีพยายามชำเราเด็ก
เปิดละเอียด คำพิพากษาฉบับเต็ม สาเหตุ "พ่อใหญ่บาส" สมรักษ์ คำสิงห์ ดิ้นไม่หลุด คดีพยายามชำเราเหยื่อ ศาลอนุญาตปล่อยตัว ระหว่างอุทธรณ์
23 ม.ค. 2568 ที่ศาลจังหวัดขอนเเก่น ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอาญาดำที่ อ694/2567 ที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยด้วยโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก และ นายพิเชษฐ์ หรือ “เป๊กโก้” เพื่อนสนิทนายสมรักษ์ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐาน ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
ฐานร่วมกันพาบุคคลเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมกันพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ระหว่างพิจารณา ศาลอนุญาต ผู้เสียหายที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 8 เเสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิด และผู้เสียหายที่1 โดยมารดาผู้เสียหายที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี
สำหรับความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 1 เบิกความถึงพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อผู้เสียหายที่ 1 ในห้องพักที่เกิดเหตุได้เป็นลำดับขั้นตอน เป็นเรื่องยากที่ผู้ซึ่งมิได้ประสบเหตุการณ์มาก่อน จะเบิกความได้เชื่อมโยงกัน
ซึ่งหากผู้เสียหายที่ 1 มิได้ประสบเหตุการณ์จริง ผู้เสียย่อมไม่สามารถเบิกความได้เป็นลำดับ นอกจากนั้นภายหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายที่ 1 กลับมาตั้งสติยังที่พักที่โรงแรมXX ได้ปรึกษากับเพื่อนก็รีบเข้าแจ้งความแก่เจ้าพนักงานตำรวจในทันที ยิ่งไปกว่านั้น ความเห็นของแพทย์ พยานผู้เชี่ยวชาญ และรหัสพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของจำเลยที่ 1 สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายในชั้นสอบสวน ว่า จำเลยที่ 1 พยายามกระทำชำเรา
คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ 1 หลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน ในระยะเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ทำให้ไม่มีโอกาสบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาสรุปว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 80 , 283 ทวิ วรรคแรก, 319 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย จำคุก 2 ปี
ฐานพยายามข่มขืนกระทำขำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี 8 เดือน
ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน
ฐานพยายามข่มขืนกระทำขำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย คงจำคุก 1 ปี 9 เดือน 10 วัน
รวมจำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 13 เดือน 10 วัน ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3262/2566 ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดนั้น คดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงให้ยกคำขอนั้นเสีย
และศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ร่วม 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม และให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่ผู้ร้อง 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2566 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
โดยนำเงินที่จำเลยที่ 1 มาวางศาลเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 จำนวน 80,000 บาท ชำระแก่ผู้ร้อง และจำนวน 20,000 บาท ชำระแก่โจทก์ร่วม มาหักชำระหนี้แต่ละจำนวนดังกล่าวด้วย โดยให้หักชำระดอกเบี้ยที่ค้างในวันที่มีการชำระดังกล่าวในแต่ละคราว เหลือเท่าใดจึงให้ชำระต้นเงินและคำนวณดอกเบี้ยจากต้นเงินคงเหลือ
และศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 และยกคำขอส่วนแพ่งของโจทก์และผู้ร้องสำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ
ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้วจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อย ตัวชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์คดี โดยศาลจังหวัดขอนแก่น อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 300,000 บาท