
"ออยศรี" โผล่กองปราบ ให้ข้อมูลตำรวจ คดี "ทนายตั้ม" เชื่อเป็นประโยชน์กับ ผสห.
"ออยศรี" คู่ปรับ "ทนายตั้ม" โผล่กองปราบ ให้ข้อมูลตำรวจ เชื่อเป็นประโยชน์กับผู้เสียหาย มองคดี 71 ล้าน การให้โดยเสน่หา ไม่ควรมีใบเสนอราคา
5 พ.ย.2567 จากกรณีนายษิทธา เบี้ยบังเกิด "ทนายตั้ม" มาดามอ้อย จตุพร เลิศอุบล แจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท โดยทนายตั้ม ยืนยันว่า เป็นการให้โดยเสน่หา ล่าสุดวันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญตัว "ออยศรี" อายุ 40 ปี เจ้าของเพจออยศรีและผองเผือก เข้าให้ปากคำกรณีดังกล่าว
ออยศรี เปิดเผยว่า ตนมาตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะมีการพูดคุยเรื่องทนายตั้มเป็นหลัก แต่ยังไม่ทราบประเด็นในการพูดคุย ตนมองว่าเจ้าหน้าที่อาจจะเห็นว่าตนติดตาม และมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวของทนายตั้ม ซึ่งในส่วนของข้อมูลยังไม่ขอเผยรายละเอียด วันนี้ไม่ได้เตรียมอะไรมาเป็นพิเศษ เอกสารหลักฐานอยู่กับทางทนายความทั้งหมด เชื่อว่าตำรวจอาจอยากสอบถามตนว่ามีบุคคลคนใด มีความใกล้ชิดกับทนายตั้มหรือไม่ เพื่อจะได้เรียกตัวมาเป็นพยานในภายหลัง
ออยศรี บอกอีกว่า ตนอยู่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง การที่ตนจะให้การอะไรกับตำรวจ ก็ให้ตามความเป็นจริง ไม่มีการกลั่นแกล้งทนายตั้มทั้งสิ้น ตอนนี้ยังไม่ทราบเรื่องสำนวนคดี แต่อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหาย ตนก็ยินดีให้ข้อมูล
ส่วนเรื่องการให้โดยเสน่หา ตนมองว่า ไม่ค่อยมีใครได้ยินคำนี้ การให้โดยเสน่หา ต้องไม่มีข้อแม้ตั้งแต่ต้น ถ้ามีข้อแม้คงไม่ใช่ การบอกว่าไม่ใช่การฉ้อโกง แล้วทำไมต้องทำใบเสนอราคา เมื่อคุณทำใบเสนอราคา มันไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ส่วนจะลงทุนหรือร่วมธุรกิจอะไรกันหรือไม่ก็ให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม ตนติดตามข่าวสารตลอด ไม่คิดว่าทนายตั้มจะกล้ายุ่งกับเงินของคนอื่นขนาดนี้ เขาเคยบอกว่าเขาเป็นคนเอ่ยปากขอเงินด้วยตนเอง ตนจึงตกใจ เพราะตน มีทนายความส่วนตัวเหมือนกัน ไม่เคยเห็นทนายความคนใด ที่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องเงินของลูกความ เมื่อทนายความรับว่าความ คุณควรดูแลลูกความเท่านั้น ไม่ไปก้าวก่ายในส่วนนี้ มันไม่เหมาะสมกับคำว่า "ทนายความ"