ปลัดมหาดไทย เผย น้ำท่วมแม่สาย หนักสุดในรอบ 80 ปี ตอบสาเหตุอพยพไม่ทัน
ปลัดมหาดไทย เผย น้ำท่วมแม่สาย หนักสุดในรอบ 80 ปี เผย ระบบเตือนภัยได้ผล ตอบสาเหตุอพยพไม่ทัน เพราะท่วมมา 7 ครั้ง ชาวบ้านคุ้นเคยว่าจะลดลงเร็ว
11 ก.ย. 2567 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยได้รับฟังสถานการณ์จากเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน จึงทราบว่าน้ำเข้าท่วมพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย มาเป็นรอบที่ 8 แล้ว และครั้งล่าสุดนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 80 ปี ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นบริเวณกว้าง
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ประสานทุกกองทัพทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ทำให้มีเครื่องมือช่วยเหลือถูกส่งลงไปเป็นจำนวนมากแต่ยังคงมีปัญหาหลักคือกระแสน้ำที่ยังไหลเชี่ยวกรากทำให้ประชาชนที่ติดค้างอยู่ตามอาคารต่างๆ ยังคงยากลำบาก แต่ร้อยละ 80% สามารถออกจากจุดน้ำท่วม
และส่วนหนึ่งไปอยู่ที่วัดพรหมวิหาร อ.แม่สาย ซึ่งเจ้าอาวาสวัดอนุญาตให้เป็นสถานที่พักพิงมีจำนวนกว่า 100 คนแล้ว รวมทั้งมีโรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ หลายแห่งให้เป็นศูนย์พักพิงหรือไปอยู่กับญาติ อีกประมาณ 800 คน แต่ตัวเลขที่ชัดเจนจะได้ตรวจสอบที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่งต่อไป
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะทยอยเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยให้ออกมาจากจุดน้ำท่วมเรื่อยๆ และจะเป็นปัญหาหนักกรณีผู้ป่วยติดเตียงและอื่นๆ ทำให้ยังคงพยายามกันอยู่และส่งเครื่องไม้เครื่องมือลงไปยังพื้นที่เรื่อยๆ
ส่วนเรื่องอาหารและน้ำดื่มมีการจัดเตรียมปรุงสำเร็จไว้เป็นจำนวนมากแล้ว โดยอาสากู้ภัยต่างๆ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ก็พยายามนำเข้าไปจัดส่งให้ประชาชนอยู่ โดยหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพราะน้ำได้ลดลงแล้วและมีฝนตกลงมาน้อยกว่าทุกวัน หากไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามา คาดว่าภายใน 5 วัน สถานการณ์จะคลี่คลาย และจะได้ช่วยกันทำความสะอาดครั้งใหญ่ สำรวจความเสียหาย
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ระบบเตือนภัยนั้นได้ผล แต่ที่แม่สายเกิดน้ำท่วมมาแล้วถึง 7 ครั้ง ซึ่งตนได้สอบถามพี่น้องประชาชนที่วัดพรหมวิหาร ก็ทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ไปแจ้งเตือนแล้วว่าให้โยกย้ายออกไป แต่เนื่องจากเกิดน้ำท่วมมาแล้ว 7 ครั้ง จึงเกิดความคุ้นเคย ว่าจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ปรากฎว่าครั้งนี้ปริมาณน้ำมีมาก และพนังกั้นน้ำพังทำให้น้ำทะลักไปรวมกันภายในช่องแคบที่เป็นซอย ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์ ตึก บ้านเรือน ร้อยละ 95% ที่สร้างกลายเป็นพนังกำแพง ส่งผลให้กระแสน้ำแรงมากในรอบ 80 ปีดังกล่าว
"ปัญหาอุปสรรคจากการประชุมประเมินผลตั้งแต่เมื่อวานจนถึงกลางวันนี้พบว่ากระแสน้ำยังแรงมาก เครื่องไม้เครื่องมือที่มีคือเรือท้องแบน เรือยาง รถจีเอ็มซี ซึ่งพบว่ากรณีรถจีเอ็มซีของกองทัพที่สูงเข้าได้เฉพาะหมู่บ้านปิยะพรนอกจากนั้นอีก 4 จุดรถเข้าไม่ได้เลย ทั้งสายลมจอย หัวฝาย ฯลฯ ถึงวันนี้ก็ยังเข้าไม่ถึง
อย่างลุงที่ติดอยู่บนหลังคาเต๊นท์สีแดง เจ็ทสกีของกรมเจ้าท่า ทหาร ปภ.สู้ไม่ไหวถึงขนาดเรือล่มเลย โชคดีที่มูลนิธิ กัน จอมพลัง ประสานกับเจ็ทสกีโลกเข้าไปช่วยออกมาได้ นี่เล่าเป็นตัวอย่างว่าทุกคนอยากเข้าไปช่วย แต่การช่วยนั้นคนเข้าไปช่วยปลอดภัยแน่แ ต่คนที่จะเข้าไปช่วยอาจไม่ปลอดภัย เช่น เรือล่ม ฯลฯ แต่ผมก็ต้องกราบขออภัยด้วย" นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทหารได้นำเฮลิคอปเตอร์จำนวน 3 ลำเข้าบินตรวจตราซึ่งทำได้จำกัด เพราะบางช่วงอากาศปิด แต่ก็จะมีทหารเป็นกำลังหลักในการพาหน่วยงานองค์กรต่างๆ หน่วยกู้ภัย เข้าไปช่วยเหลือประชาชนเป็นจุดๆ ไป โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ใช้ความรู้ทางยุทธการในการวางแผนปฏิบัติการต่อไป