ข่าว

สาวร้องสายไหมต้องรอด หมอวินิจฉัยผิด ทำแพ้ยา หน้าเสียโฉม ตาเสี่ยงบอด

สาวร้องสายไหมต้องรอด หมอวินิจฉัยผิด ทำแพ้ยา หน้าเสียโฉม ตาเสี่ยงบอด

08 ก.ย. 2567

สาวสวย พนักงานไอที ร้องสายไหมต้องรอด หมอโรงพยาบาล ย่านพหลโยธิน วินิจฉัยผิด ทำแพ้ยาหน้าเสียโฉม ตาเสี่ยงบอด ความฝันต้องพังทลาย

8 ก.ย. 2567 น.ส.ศศินันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี พร้อมสามี เดินทางมาขอความช่วยเหลือกับ นายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีไปรักษาอาการตาแดงกับเจ็บคอ กับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง แต่หมอวินิจฉัยโรคผิด ฉีดยาแก้แพ้ให้เธอถึง 3 ครั้ง ทำให้เธอเกิดอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง ต้องส่งเข้าห้องไอซียู นอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนาน  3 เดือน หมอให้กลับบ้านได้ ต้องทนทุกข์กับสภาพใบหน้าที่เสียโฉม ตามองไม่เห็นใกล้บอด ต้องตกงาน โรงพยาบาลกลับไม่รับผิดชอบ รับผิดชอบเพียงแค่ให้เธอกลับมารักษาตามอาการ

น.ส.ศศินันท์ เล่าว่า วันที่ 18 มิ.ย. ตนเองมีอาการตาแดง 19 มิ.ย. ซื้อยามากินเองซึ่งทุกครั้งก็จะหายแต่ครั้งนี้ไม่ดีขึ้น วันที่ 20  มิ.ย. เข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านพหลโยธิน ด้วยอาการเจ็บคอและตาแดง  หลังจากเข้ารักษา หมอได้วินิจฉัยว่ามีอาการต่อมทอนซิลอักเสบ จึงได้ฉีดยาแก้แพ้ให้ 1 เข็ม แล้วให้กลับบ้าน  หลังตนเองกลับมาบ้านได้ไม่นาน เริ่มมีอาการแน่นหน้าอก ผื่นขึ้นเต็มตัว ตาเริ่มมองไม่ชัด ปากบวม จึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงนัดให้มาพบหมอเฉพาะทางในวันที่ 21 มิ.ย.
 

สาวร้องสายไหมต้องรอด หมอวินิจฉัยผิด ทำแพ้ยา หน้าเสียโฉม ตาเสี่ยงบอด

 

โดยหมอเฉพาะทางได้วินิจฉัยโรคว่า อาจจะเป็นโรคอีสุกอีใส หมอได้ฉีดยาแก้แพ้ตัวเดิมเพิ่มให้อีก แล้วให้ตนแอดมิดนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากที่ตนฉีดยาไปไม่นาน อาการเริ่มหนักขึ้น ผื่นแดงเริ่มขึ้นเยอะกว่าเดิม ตาซ้ายมองไม่เห็น ตาขวามองเห็นเพียง 50 % ตนจึงรีบแจ้งพยาบาล ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย. หมอรีบนำตัวตนเข้าห้องไอซียู  และฉีดยาแก้แพ้ตัวเดิมให้อีกเป็นเข็มที่ 3 ทำให้เธอมึนเบลอ ร่างกายเริ่มชาไม่มีความรู้สึก

น.ส.ศศินันท์ กล่าวอีกว่า ต้องนอนอยู่ในห้องไอซียูถึง 7 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น ทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ 2 โรงพยาบาลที่สองได้วินิจฉัยว่าตนเองเป็นโรค "สตีเวนส์จอห์นสัน ระดับ10" ตนเองได้รักษาอยู่ที่โรงบาลที่ 2 อีก 1 เดือน 15 วัน อาการผื่นแดงหยุดลุกลาม แต่ตายังมองไม่ค่อยเห็นเหมือนเดิม ทางโรงพยาบาลที่ 2 จึงส่งตัวกลับมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแรก

หลังตนกลับมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแรกได้ 1 เดือน ทางโรงพยาบาลได้ให้ตนเองกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน ทั้งที่ตาตนเองยังมองไม่ค่อยเห็น  และมีแผลที่ตกสะเก็ดจากผื่นที่ขึ้นตามใบหน้าและร่างกาย โดยอ้างว่าเดี๋ยวจะนัดมารักษาตามอาการอีกครั้ง
 

สาวร้องสายไหมต้องรอด หมอวินิจฉัยผิด ทำแพ้ยา หน้าเสียโฉม ตาเสี่ยงบอด

 

น.ส.ศศินันท์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนใช้ชีวิตลำบากมาก ตาขวามองเห็นเพียง 50% ส่วนตาซ้ายมองเป็นฝ้าสีขาว จะเดินไปไหนตามลำพังไม่ได้ ต้องมีคนจูงมือตลอด ตนเสียใจมากที่ต้องมาป่วยแบบนี้ ก่อนป่วยมีชีวิตที่สดใส เป็นพนักงานไอที กำลังจะเปิดช่องขายของทาง YouTube แต่ความฝันต้องพังทลายหมด เหตุเพราะหมอวินิจฉัยโรคผิด ฉีดยาแก้แพ้ให้ตนถึง 3 ครั้ง จนตนต้องป่วยอยู่ในสภาพนี้

สิ่งที่ตนกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือ อยากให้ทางโรงพยาบาลแรกที่รักษาตน ช่วยรักษาตาตนเองให้กลับมามองเห็นให้ได้  เพราะที่ผ่านมาการรักษาทุกครั้งตนใช้บัตรประกันสังคมรักษา เชื่อว่าอาจจะไม่ได้ยาที่ดี จึงอยากให้โรงพยาบาลรับผิดชอบ ด้วยการจัดยาดีๆ ที่อยู่นอกประกันสังคมมาให้ และอยากเรียกร้องค่าเสียหายทั้งเรื่องต้องถูกให้ออกจากงาน รวมถึงการเสียโฉม ให้โรงพยาบาลรับผิดชอบตรงนี้ด้วย
 

สาวร้องสายไหมต้องรอด หมอวินิจฉัยผิด ทำแพ้ยา หน้าเสียโฉม ตาเสี่ยงบอด


ด้าน นายนิรันดร์ เกแง้ว กล่าวว่า หลังจากนี้จะติดต่อกับโรงพยาบาลรักษาผู้เสียหาย จะลองพูดคุยดูว่าจะเยียวยาผู้เสียหายในส่วนไหนได้บ้าง และพรุ่งนี้จะพาผู้เสียหายไปพบกับ นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงสาธารณสุข เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ และช่วยตรวจสอบว่าโรงพยาบาลที่รักษาผู้เสียหายมีความผิดหรือไม่ รวมถึงช่วยหาหมอที่เก่งมารักษาโรคให้ผู้เสียหายด้วย