ข่าว

ไขข้อสงสัย ทำไมไม่ควรติดเครื่องรถเปิดแอร์นอน ถึงตายจริงหรือ?

ไขข้อสงสัย ทำไมไม่ควรติดเครื่องรถเปิดแอร์นอน ถึงตายจริงหรือ?

19 มิ.ย. 2567

ไขข้อสงสัย ทำไมไม่ควรติดเครื่องรถเปิดแอร์นอน ผู้เชี่ยวชาญไขให้กระจ่าง อันตรายถึงตายจริงหรือ? หากเลี่ยงไม่ได้ต้องทำอย่างไร

ไขข้อสงสัย ทำไมไม่ควรติดเครื่องรถเปิดแอร์นอน ถึงตายจริงหรือ?

 

ข้อมูลจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดย อ.พญ.ภัทราวลัย สิรินาราเปิดเผยถึงสาเหตุที่ "ติดเครื่องรถ เปิดแอร์นอน" ทำไมถึงเสียชีวิต

 

 

สาเหตุที่ไม่ควรติดเครื่องรถเปิดแอร์นอน

เนื่องจาก การนอนหลับโดยปิดกระจกมิดชิด และสตาร์ทเครื่องในรถทิ้งไว้ ทำให้อากาศถ่ายเทไม่ดี มีปริมาณก๊าชคาร์บอนมอนอกไซด์ CO เข้าไปสะสมในห้องโดยสารมากเกินไป ซึ่งเป็นผลจากระบบแอร์ของรถยนต์ ที่ดูดอากาศจากภายนอก และจากควันท่อไอเสียรถมาหมุนเวียนในรถ

 

 

ผลกระทบต่อร่างกาย

ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ จะไปจับกับฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) และแทนที่ออกซิเจน O ในเลือด ทำให้ก๊าชคาร์บอนมอนอกไซด์ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ถึงระดับเป็นพิษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก๊าชคาร์บอนมอนอกไซด์ในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้หมดสติ,สมองขาดออกชิจน จนถึงเสียชีวิตได้

คำแนะนำจากแพทย์หากจำเป็นต้องนอนในรถอย่างเลี่ยงไม่ได้

  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนขับรถ
  • หากจำเป็นต้องนอนพักในรถยนต์ ให้ดับเครื่องยนต์ให้สนิท และลดกระจกลงเพื่อระบายอากาศ ห้ามเปิดแอร์ และห้ามปิดกระจกโดยเด็ดขาด
  • ควรนำรถเข้าตรวจสภาพเครื่องยนต์ และระบบท่อไอเสียเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะรถที่ใช้งานหนัก หรือมีอายุเกิน 7 ปื

 

ภาพจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

 

ล่าสุด รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ออกมาเผยถึงประเด็นทำไมห้าม ติดเครื่องรถ เปิดแอร์นอน รายละเอียดระบุว่า

 

เคส "นอนเปิดแอร์ เสียชีวิตคารถ" อันนี้ ก็น่าจะจากการได้รับก๊าซพิษ คาร์บอนมอนอกไซด์ อีกล่ะครับ นักข่าวโทรมาถามตอนเช้า ถึงข่าวน่าเศร้า ที่มีผู้เสียชีวิตระหว่างนอนหลับในรถยนต์ที่จอดติดเครื่องไว้นาน จนกระทั่งน้ำมันหมด รถดับไปเอง ว่าเป็นผลจากการขาดอากาศหายใจ นอนนานเกินไป ใช่หรือไม่ ? ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตด้วยนะครับ

 

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต (ซึ่งต้องรอการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากแพทย์ด้วย) ผมคิดว่า ก็คงคล้ายกับรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ คือได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (carbon monoxide) หายใจเข้าไประหว่างที่หลับ เม็ดเลือดแดงทำงานผิดปกติ ร่างกายขาดก๊าซออกซิเจน จนเสียชีวิต

 

ไม่ควรใช้คำว่า "ขาดอากาศหายใจ" ที่ทำให้เข้าใจผิดไปว่า ในรถ ไม่มี "อากาศ" เหลือให้หายใจ ตามรายงานข่าวระบุว่า ในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เมื่อร้านอาหารปิด ผู้เสียชีวิตทั้งคู่ซึ่งมีอาการเมา ได้เข้าไปนั่งในรถ สตาร์ทรถเปิดแอร์ทิ้งไว้  จนกระทั่งช่วงค่ำของวันต่อมา ญาติถึงได้มาดูที่รถ พบว่าทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง

 

 

เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย และในรถไม่มีร่องรอยการรื้อค้น ประตูรถปิดล็อกทั้ง 4 บาน กระจกไม่ได้เปิด เพื่อให้อากาศระบาย และข่าวระบุด้วยว่า เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ทั้งคู่ขาดอากาศหายใจ เนื่องจากเชื้อเพลิงที่ใช้เป็นน้ำมันเบนซิน และสตาร์ตรถจนน้ำมันหมดถัง แล้วเครื่องยนต์จึงดับ จนทำให้ทั้งคู่ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต

 

แต่ลักษณะตามข่าวดังกล่าวนี้ ผมเชื่อว่า น่าจะมาจากการได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่มาจากเครื่องยนต์ที่สันดาปเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างไม่สมบูรณ์ รั่วซึมเข้ามาในห้องโดยสารรถ ซึ่งไม่ได้เปิดกระจกระบายอากาศไว้ ทำให้ก๊าซเป็นพิษต่อเลือด และเสียชีวิตได้ในที่สุด

 

ข้อมูลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายเรื่อง "ทำไมเปิดแอร์นอนในรถยนต์ถึงเสียชีวิต?" ไว้ว่า โดยปกติ ขณะที่รถยนต์ขับเคลื่อนไปบนท้องถนน จะมีการไหลเวียนของอากาศภายนอกและภายในอยู่เสมอ ด้วยการถ่ายอากาศเสียออกทางท่อไอเสีย แล้วรับอากาศที่ดีเข้ามา

 

แต่ถ้าหากรถยนต์จอดสนิท แล้วติดเครื่องเอาไว้ เครื่องยนต์จะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ขึ้น โดยไม่มีการถ่ายเทออกไป อากาศเสียก็จะวนเวียนอยู่ภายใน ไม่ไปไหน ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

เพราะก๊าซชนิดนี้จะไปแย่งออกซิเจนจับตัวกับเม็ดเลือดแดง ซึ่งจับได้ง่ายกว่าออกซิเจนหลายเท่า ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อไม่เพียงพอ ร่างกายจะขาดออกซิเจน และอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เกิดอาการเลือดเป็นกรด ทำงานไม่ปกติ ซึม ชัก และเสียชีวิตในที่สุด

 

โดยระดับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจะอยู่ที่ 1-200 ppm เมื่อได้รับเข้าไปในเวลา 4 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย และเวียนศีรษะ จากนั้นจะอยากนอน ซึ่งถ้านอนเปิดแอร์โดยไม่ดับเครื่องยนต์ ก็จะยิ่งส่งผลเสียและเป็นอันตรายถึงชีวิต

 

สภาพของรถยนต์ ส่งผลต่อการเกิดก๊าซชนิดนี้ด้วยเช่นกัน โดยในรถยนต์เก่าหรือไม่มีการตรวจสภาพ จะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ สูงกว่าในรถยนต์ใหม่ หรือผ่านการตรวจสภาพอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้สูงกว่า อัตราการเสี่ยงของการเสียชีวิตจากการเปิดแอร์นอนจะสูงกว่า

 

แต่ ไม่ว่าจะรถยนต์เก่าหรือใหม่ ก็ไม่ควรเปิดแอร์นอนหลับในรถยนต์ขณะที่จอดสนิทอยู่ดี เพราะก๊าซชนิดนี้ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่มีทางรู้ตัวเลยว่าได้รับก๊าซชนิดนี้เข้าไปมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะขณะหลับ

 

ดังนั้น จึงไม่ควรนอนหลับในรถยนต์ที่ติดเครื่องยนต์ไว้ หรือหากจำเป็นต้องนอนจริงๆ ก็ให้เลือกจอดรถในพื้นที่โล่ง ที่อากาศถ่ายเทได้ และควรตั้งปลุกเวลานอน ให้งีบพักเพียงแค่ 15-20 นาที พอให้หายเหนื่อย อย่านอนหลับยาวครับ