ข่าว

ตาตายแล้วฟื้น ตื่นมาเจอพยาบาลกำลังใส่ท่อช่วยหายใจ วิ่งหนีไกลกว่า 3 กม.

ตาตายแล้วฟื้น ตกใจตื่นขึ้นมาเจอพยาบาลกำลังใส่ท่อช่วยหายใจ โดดรถพยาบาลวิ่งหนีกว่า 3 กม. เผยก่อนหน้านี้เคยไม่หายใจ 1 วัน 1 คืน แต่ฟื้นกลับมา

9 มิ.ย. 2567 กู้ภัยวัดสว่างอารมณ์ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งว่ามีชายหมดสติไม่มีชีพจร อยู่ในห้องน้ำในบ้านหลังหนึ่ง หมู่บ้านกำไสจาน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จึงรีบรุดออกตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือ

 

ตาตายแล้วฟื้น ตื่นมาเจอพยาบาลกำลังใส่ท่อช่วยหายใจ วิ่งหนีไกลกว่า 3 กม.

 

ทราบชื่อต่อมา ตาเพียบ อายุ 59 ปี เป็นคนบ้านกำไสจาน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ อาสากู้ภัยวัดสว่างอารมณ์ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกับประเมินแล้ว ไม่ทำตามคำสั่ง จึงได้แจ้งไปยังรถ ER ของโรงพยาบาลปราสาท เพื่อมาเปลี่ยนถ่ายผู้ป่วยให้รถโรงพยาบาลปราสาท

 

 

ซึ่งระหว่างที่แพทย์กำลังให้ช่วยเหลือบนรถพยาบาล โดยได้ใส่น้ำเกลือคนไข้ พอรถพยาบาลขับมาถึงบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านทนง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ตาเพียบได้ลุกขึ้นดึงสายให้น้ำเกลือออกจากมือตนเอง โดยมีการดิ้นขัดขืนจนทำให้พยาบาลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และข้าวของในรถพยาบาลเสียหายนิดหน่อย และเปิดประตูวิ่งหนีลงจากรถเพื่อจะกลับบ้าน

ขณะที่ตาเพียบวิ่งหนีริมถนนมุ่งหน้าบ้านกำไสจานนั้น ได้มีรถจักรยานยนต์ของอาสากู้ภัยวัดสว่างอารมณ์ ขับตามไปพร้อมกับถ่ายคลิปตลอดเส้นทาง แต่ไม่กล้าที่จะเข้าไป เพราะในมือของตาเพียบได้ถือไม้ ซึ่งระหว่างที่เกิดเหตุมาบ้านกำไสจานระยะทางประมาณ 3 -4 กิโลเมตร จากนั้นญาติตาเพียบได้ขับรถตามมาถึง ก็เข้าไปจับตัวตาเพียบ นำกลับบ้านอย่างปลอดภัย

 

ตาตายแล้วฟื้น ตื่นมาเจอพยาบาลกำลังใส่ท่อช่วยหายใจ วิ่งหนีไกลกว่า 3 กม.

 

ล่าสุด 10 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดสว่างอารมณ์ ต.ปราสาททนง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เป็นที่ตั้งของสมาคมกู้ภัยวัดสว่างอารมณ์ ปราสาทกตัญญู พบกับนายวรเศรษฐากร ศักดาสกุลคุณากร อายุ 33 ปี อาสาสมัครกู้ภัยวัดสว่างอารมณ์ ได้เล่าว่า ตนได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลปราสาทว่าให้รับชายหมดสติไม่มีชีพจร อยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านกำไสจาน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

 

 

เมื่อตนไปถึง ญาติกำลัง CPR อยู่ ตนและ น.ส.อรพรรณ สงวนนามสกุล อายุ 23 ปี พนักงานฉุกเฉินการแพทย์ของอาสาสมัครกู้ภัยวัดสว่างอารมณ์ ได้รับช่วงทำการ CPR ต่อจากญาติ ซึ่งได้ทำ CPR ได้ประมาณ 20 นาที ชีพจรก็กลับมาคืน แต่สอบถามไม่พูด ไม่จา ได้แต่มอง จึงรีบแจ้งไปยังโรงพยาบาลปราสาท พร้อมกับนำตัวมาเปลี่ยนถ่ายผู้ป่วยบริเวณโรงเรียนบ้านทนง

 

 

แต่พอผู้ป่วยรู้สึกตัว ตกใจ ไม่ยอมให้ใส่ท่อหายใจ ได้ใช้แขนปัดไปมาพร้อมกับเปิดประตูรถพยาบาลวิ่งหนีออกมา

นายวรเศรษฐากร สงวนนามสกุล (คนขับขี่รถจักรยานยนต์ตาม) อาสาสมัครกู้ภัยวัดสว่างอารมณ์ เล่าว่า ชายที่วิ่งหนีรถพยาบาลทราบชื่อต่อมาชื่อนาย เปรือง สงวนนามสกุล หรือ ตาเพียบ อายุ 59 ปี โดยตอนนั้น ตนเป็นคนขับรถจักยานยนต์ขับตามไป พร้อมกับถ่ายคลิปตลอดเส้นทาง เพราเป็นห่วงคุณตาจะประสบอุบัติเหตุ พร้อมกับนำน้ำขวดเตรียมไว้ให้ แต่ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เพราะในมือของตาเพียบได้ถือไม้ และได้ตะโกนให้หยุดพร้อมกับถามว่าจะไปไหน?

 

 

ได้รับคำตอบว่าจะกลับบ้าน ซึ่งระยะทางระหว่างที่เกิดเหตุ มาบ้านกำไสจาน ระยะทางประมาณเกือย 4 กิโลเมตร จากนั้นญาติตาเพียบได้ขับรถตามมาถึง ก็เข้าไปจับตัวตาเพียบและพูดคุยจึงนำกลับบ้านอย่างปลอดภัย

 

 

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านบ้านกำไสจาน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท พบกับนางสมบัติ (ภรรยาตาเพียบ) อายุ 57 ปี เล่าว่า ช่วงนั้นตาเพียบ ได้กินเบียร์ไปประมาณ 2-3 ขวด และได้เข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ ตนรู้สึกว่าตาเพียบเข้าห้องน้ำนาน จึงได้บอกกับหลานให้เข้าไปดูตา หลานมาบอกว่าตาอาบน้ำและร้องเพลงอยู่ ตนนึกเอะใจจึงได้เข้าไปและก้มลงดูที่ช่องประตู

 

 

จึงเห็นว่าตาเพียบได้นอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำ ตนจึงเรียกลูกๆ และญาติ ให้มาช่วยกันนำตาเพียบออกจากห้องน้ำ พอนำออกมาตาเพียบไม่หายใจ ญาติจึงทำการ CPR พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ พอรถกู้ภัยมาถึงก็มาช่วย CPR แทนญาติประมาณ 20 นาที ตาเพียบจึงได้หายใจฟื้นกลับมาคืน กู้ภัยจึงนำตัวตาเพียบขึ้นรถพยาบาลส่งต่อรถโรงพยาบาลปราสาท แล้วมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

 

 

นางสมบัติ เล่าเพิ่มเติมว่า ตาเพียบนั้นเวลากินเหล้าเบียร์ก็จะเกิดอาการวูบหมดสติไม่หายใจ ซึ่งตนได้ถามตาเพียบแล้วว่า รู้ตัวไหมว่าตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมา ตาเพียบบอกว่าไม่รู้ตัวเลย เพียงแต่ฟื้นมาแล้วพบแต่ใครก็ไม่รู้ อยู่ที่ตรงหน้าและตนมานอนตรงนี้ได้อย่างไร พอมีคนนั้นเอาท่ออะไรมายัดใส่เข้าไปในปากถึงคอตนรู้สึกเจ็บจึงได้ปัดป้องดิ้นรน และก็วิ่งหนีออกมาเพื่อจะกลับบ้าน

 

 

ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่ตาเพียบวูบไม่หายใจ โดยครั้งแรกนั้น เมื่อประมาณ 4-5 ปี ตาเพียบได้วูบหมดสติไม่หายใจ ไป 1 คืน 1 วัน และกลับฟื้นขึ้นมา ตนได้ถามตาเพียบทราบว่าตาเพียบไม่รู้ตัว รู้แต่ว่ามีคนมาเล่นดนตรีไทย และรำให้ตนดู พร้อมกับบอกว่าดูเสร็จกลับบ้านได้นะ ก็มีเพียงเท่านี้

 

 

ขณะที่ ตาเพียบ อายุ 59 ปี เล่าว่า ตนนี้ตนรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ตอนเกิดเหตุ ตนไม่รู้ตัวเลยว่าตนนั้นวิ่งกลับบ้านได้ยังไง โดยที่ตนไม่เหนื่อย และไม่เจ็บมือที่ตนถูกเข็มทิ่มเข้าไป ตนคิดอย่างเดียวว่า อยากกลับกลับบ้านไม่อยากไปโรงพยาบาล

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวยอดนิยม