ข่าว

อดีต ผอ. JKN18 - บ.ทัวร์ ยื่นฟ้อง 'แอน จักรพงษ์' ปมโพสต์หมิ่นประมาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เดสติเนชั่น จำกัด ชี้แจงข้อเท็จจริง โต้ แอน จักรพงษ์ ด้าน โด่ง องอาจ รุกฟ้องหมิ่นประมาท

นางสาวไลลักษณ์ เนียนขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เดสติเนชั่น จำกัด โต้แย้งข้อมูลที่ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ หรือ แอน-จักรพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ได้ให้ข้อมูลต่อสาธารณะและสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง 

 

หลังจากที่ทางบริษัททัวร์เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีให้สำรองจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินนางงามจักรวาลและผู้บริหาร จำนวน 784,345 บาท เมื่อติดต่อทวงถาม ก็ถูกปฏิเสธจากผู้บริหาร รวมทั้งตัวของ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์  นอกจากนี้ด้าน ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาล คดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาต่อ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์   

กรรมการผู้จัดการไทยเดสติเนชั่น - โด่ง องอาจ

นางสาววไลลักษณ์ กล่าวว่า "ข้อมูลที่นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ให้ไว้ต่อสาธารณะและสื่อมวลชนนั้นเป็นข้อมูลที่บิดเบือนคลาดเคลื่อนและไม่เป็นความจริง โดยการเข้าร่วมธุรกิจของบริษัทไทยเดสติเนชั่น กับ JKN GLOBAL GROUP มีรายละเอียดดังนี้

  • คุณองอาจ สิงห์ลำพอง ได้เรียกทางบริษัทไทยเดสติเนชั่นให้มานำเสนอบริษัทกับนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ CEO เจเคเอ็น โกบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อให้นายจักรพงษ์ ตัดสินใจ โดยแจ้งว่ามี 3 บริษัทเข้ามาเสนอ และไทยเดสติเนชั่น ก็เป็น1 ใน 3 บริษัท 
  • โดยมีการประชุมครั้งที่ 1 ในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2566 ทางบริษัท ไทยเดสติเนชั่น ได้เข้าประชุมแนะนำบริษัทผ่านการประชุม Zoom  และต่อมาในการประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2566 นายจักรพงษ์ ได้อนุมัติด้วยวาจาให้บริษัทไทยเดสติเนชั่น ได้ทำงานบริหารจัดการ Hello Universe Tour เพื่อพากลุ่มลูกทัวร์ไปชมการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 72 ที่ประเทศเอลซัลวาดอร์  โดยมีสัดส่วนการแบ่งผลประโยชน์ เจเคเอ็น 60% และบริษัทไทยเดสติเนชั่น 40% 

กรรมการผู้จัดการไทยเดสติเนชั่น - โด่ง องอาจ

หลังจากนั้นทางบริษัทไทยเดสติเนชั่น ก็ได้มาทำงานร่วมกับผู้บริหารทัวร์โดยตรง คือ 

  • ผู้บริหารผู้รับผิดชอบธุรกิจทัวร์ท่านที่ 1 นายธนาธิป แย้มพยนต์ ในฐานะบริหารธุรกิจทัวร์โดยตรง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณองอาจ สิงห์ลำพอง แต่อย่างใด แล้วคุณธนาธิปก็ลาออก   
  • ผู้บริหารผู้รับผิดชอบธุรกิจทัวร์ท่านที่ 2 Mr. Ahmed Kajee ต่อมา Mr. Ahmed Kajee ก็ถูกเลิกจ้าง 
  • ผู้บริหารธุรกิจทัวร์ท่านที่ 3 Mr. Tim Upchruch ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ มารับผิดชอบแทน จากนั้น Mr. Tim Upchruch ได้ลาออกจากบริษัท 
  • ผู้บริหารธุรกิจทัวร์ท่านที่ 4 Ms. Anna Helfrich ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายดูแลศิลปินเข้ามาแทน จากนั้น Mrs. Anna Helfrich ได้ถูกเลิกจ้าง 
  • ผู้บริหารธุรกิจทัวร์ท่านที่ 5 Ms. Vallerina Kong ตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลศิลปิน เข้ามาดำเนินงานร่วมกับบริษัท ไทยเดสติเนชั่น จำกัด จนกระทั่งวันที่ 11-19 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 ได้พาลูกค้า “Hello Universe Tour” ทั้งหมด 30 คนไปชมการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 72 ณ.ประเทศเอลซัลวาดอร์ จนแล้วเสร็จ

 

ส่วนข้อเท็จจริงที่บริษัทไทยเดสติเนชั่น ออกมาเรียกร้องความเสียหายนั้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ ไทยเดสติเนชั่น สำรองออกเป็นค่าใช้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับ กลุ่มนางงาม ประเทศ อินเดีย บาเรนห์ ออสเตรเลีย ไอซ์แลนด์ อเมริกาใต้ ผู้บริหาร Miss Universe Organization และ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมทั้งหมดเป็นจำนวน 784,346 บาท ตามฉบับ ที่ออกเช็คเป็นจำนวนสองฉบับ ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2566 หนึ่งฉบับ และ วันที่ 15 กันยายน 2566 รวมเป็นสองฉบับ โดยยังไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ Hello Universe Tour ที่ยังไม่ได้เรียกเก็บจากบริษัทเจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด มหาชน ซึ่งทั้งสองฉบับ ยังไม่ได้รับการชำระ จากบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด มหาชน 

 

วันนี้มาศาลอาญา เพื่อมายื่นฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาจากนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ทาง TV และ Social Media และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ทำให้ตัวดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง"

 

ทางด้าน ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กล่าวว่า "ผมต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเองและสิทธิ์ที่เสียไป จากการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงต่อสาธารณะ ซึ่งส่งผลให้ตัวผมเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการกล่าวหาตัวผมต่อบุคคลที่ 3 ในวันนี้ผมมาเพื่อยื่นฟ้องและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล คดีการฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาจากนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์  ซึ่งผมมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาลเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเอง และทุกคนที่ใช้นามสกุล สิงห์ลำพอง รวมไปถึงหน้าที่การงานความเป็นนักวิชาชีพของตนเองในวงการสื่อสารมวลชนและการเป็นอาจารย์ที่เคารพนับถือของเหล่าลูกศิษย์

 

ซึ่งคำพูดหมิ่นประมาทของคุณ มันเหมือนคุณพูดแล้วฉีกกระดาษออกเป็นชิ้นเล็กๆ ทีละชิ้นๆ พูดหนึ่งคำ คุณก็ฉีกกระดาษหนึ่งชิ้น  พอพูดจบคุณก็โปรยมันในอากาศ สิ่งที่คุณพูด มันก็ปลิวฟุ้งกระจายไปทั่วเมือง คนที่ถูกคุณหมิ่นประมาท ก็ต้องมาวิ่งตามเก็บ แต่เชื่อเถอะว่า เก็บยังไงก็เก็บไม่หมด แล้ววันหนึ่งถ้าตัวคุณต้องมาเก็บกระดาษที่คุณโปรยไว้เอง เชื่อว่าคุณก็ไม่มีทางเก็บมันหมด ผมก็แค่อยากให้ระมัดระวังคำพูดที่จะพูดหรือแสดงอะไรออกไปสู่สาธารณะ"

 

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล โดยศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

โด่ง องอาจ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ