ข่าว

เอาจริงลดอัตรานายพล “สุทิน” ชวน ‘นายพล’ เออรี่ 3 ปี เหลือ 300 นาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สุทิน" เอาจริงลดอัตรานายพล ตั้งเป้าให้เหลือน้อยกว่า 300 จาก 2,000 นาย ภายในปี 70 จ่อลดชั้นยศ “พันเอก (พิเศษ)” 570 อัตรา พร้อมเพิ่มแรงจูงใจ จ่ายเงินก้อน ชวนเออรี่ก่อนเกษียณ ชี้ใช้งบ 600 ล้านบาท ใน 3 ปี คาดเข้าสภากลาโหมเดือนหน้า เชื่อชงเข้า ครม. ทันงบปีนี้ มั่นใจนายพลแฮปปี้

เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง กล่าวถึงนโยบายปรับลดนายพลทุกเหล่าทัพ ในตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตามแนวทางของ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า รัฐมนตรีได้กำชับให้แต่ละเหล่าทัพ เร่งทำความเข้าใจกับกำลังพลถึงโครงการนี้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดจำนวนนายพลในตำแหน่งดังกล่าวเกินความจำเป็น ลงกว่า 50% ภายใน 3 ปี หรือเหลือน้อยกว่า 300 คน ในปี 2570 

ซึ่งที่ผ่านมามีชั้นนายพลประมาณ 2,000 นาย โดยเป็นกำลังหลักประมาณ 1,300 นาย ซึ่งกำลังหลักจำเป็นต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ความมั่นคงของโลก และในภูมิภาค รวมทั้งรูปแบบในยุทธวิธีต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีสงครามไซเบอร์หรือ Cyber warfare และเรื่องอวกาศเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนจำนวนนายพลกว่า 700 นายในตำแหน่งประจำ ได้เริ่มดำเนินการมาก่อนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามเป้าหมาย

 

 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกลาโหม ได้กำหนดนโยบายเร่งรัดให้มีผลสัมฤทธิ์ ในช่วงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ในปี 2568 - 2570 โดยนายพลในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ จะต้องลดลงให้เหลือน้อยที่สุดตามความจำเป็นของกองทัพ อีกทั้งยังให้นโยบายสร้างแรงจูงใจในการลดจำนวนชั้นยศ “พันเอก (พิเศษ)” ที่จะขึ้นไปเป็น “นายพล” ในอนาคตให้ลดลงอีกกว่า 570 อัตรา เพื่อให้สอดรับกับตำแหน่งนายพลที่จะลดลงไปด้วย ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แก้ปัญหาการลดนายพล แต่ฐานของ พันเอกพิเศษ ยังมีมาก ก็จะไปสร้างปัญหาใหม่ในอนาคต ซึ่งนโยบายนี้ กองทัพยังสามารถปฏิบัติงาน และอาชีพทหารยังมีโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าได้อีก และยังเป็นการสร้างความมั่นคงให้กองทัพอีกด้วย

 

“มั่นใจโครงการเออร์รี่นายพล ผู้รับใช้ชาติต้องอยู่ดีมีเกียรติ คาด ก.พ.นี้ นำเข้าสภากลาโหม ก่อนชงเข้า ครม. ทันในงบปีนี้” นายจิรายุ กล่าว

 

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า รัฐมนตรีกลาโหม ได้กำชับให้จัดทำนโยบายสร้างแรงจูงใจให้นายทหารเกษียณก่อนกำหนด Early Retire เช่น การจ่ายเงินชดเชย หรือ “เงินก้อน” ประมาณ 7 แสนบาท ขึ้นอยู่กับชั้นยศ และเวลารับราชการ ซึ่งจะมีสูตรคำนวณชัดเจน รวมทั้งสิทธิบำเหน็จบำนาญ ก็จะได้รับตามปกติ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจต่อกำลังพลของกองทัพ เมื่อตัดสินใจในช่วงนี้ ถือว่าได้สิทธิประโยชน์มากที่สุด เมื่อเทียบกับโครงการที่ผ่านมา และในการบริหารของรัฐบาล จะสามารถลดภาระงบประมาณประเทศในระยะยาวอีกด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้จัดทำรูปแบบข้อเสนอ แรงจูงใจต่างๆ แล้ว อยู่ในขั้นตอนรับฟังความเห็นจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะนำเข้าที่ประชุมสภากลาโหม จากนั้นจะนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติ “แผนและกรอบงบประมาณ” เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันปีนี้ดังนั้น ในช่วงการเกษียณอายุราชการของข้าราชการในเดือนตุลาคม 2567 นี้ สำหรับโครงการนี้จะใช้เงินงบประมาณของกระทรวงกลาโหมประมาณ 600 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2568 - 2670 ) หรือเฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี

 

 

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมากองทัพจะมีแผนปรับลดจำนวนนายพล “ระยะยาว” ปี 2551 - 2571 แต่นโยบายครั้งนี้ จะผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย รวดเร็วขึ้น “ภายใน 3 ปี” โดยเน้นกลุ่มพลตรี - พลโท - พลเอก ในตำแหน่ง ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ - ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ “ทุกเหล่าทัพ” ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่าในช่วงรัฐบาล คสช. ปี 2557 - 2561 เคยทำโครงการเกษียณก่อนกำหนด “ทุกชั้นยศทุกตำแหน่ง” โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 26,000 ตำแหน่ง จึงเชื่อว่าโครงการลดนายพลครั้งนี้จะได้รับการตอบรับดีอย่างแน่นอน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ