ฝนตกหนัก 3 จังหวัดภาคใต้ กระทบโบราณสถาน 'อธิบดีกรมศิลป์' รายงานความคืบหน้า

จากเหตุการณ์ฝนตกหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ ช่วงปลายปี 2566 นั้น นอกจากสร้างผลกระทบในชีวิต ทรัพย์สิน ความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่แล้ว อย่าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีแหล่งโบราณสถานที่ทรงคุณค่าต่อการเรียนรู้ศึกษาวัฒนธรรม และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติแล้วนั้น ก็ได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนอย่างหนักในปีนี้เช่นกัน 

 

ล่าสุด "อธิบดีกรมศิลปากร" ได้ออกมาอัปเดตความคืบหน้าในส่วนของ โบราณสถานและแหล่งเรียนรู้ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ว่าได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด มีส่วนไหนเสียหาย หรือ ต้องบูรณะเพิ่มเติมบ้าง โดยท่านอธิบดีกรมศิลปากร ได้ชี้แจงดังนี้ 

 

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า "นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้สั่งการให้กรมศิลปากรเร่งสำรวจความเสียหายโบราณสถานและแหล่งเรียนรู้ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี หลังฝนตกหนักสะสมติดต่อกันหลายวันทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

 

ซึ่งจากการรายงานสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบในจังหวัดนราธิวาส พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัลกุรอาน  อำเภอยี่งอ ช่วงวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา มีน้ำเข้าท่วมขังบริเวณรอบนอกอาคาร และโรงเรียนสมานมิตร สถานที่จัดเก็บคัมภีร์อัลกุรอาน ระดับความสูง ประมาณ 30 - 50 ซม. และในวันที่ 28 ธันวาคม 2566 น้ำลดลงเป็นปกติแล้ว ภาพรวมไม่ได้รับความเสียหาย ทั้งในส่วนของอาคารและสถานที่จัดเก็บคัมภีร์อัลกุรอาน รวมถึงคัมภีร์ที่ทำจากกระดาษ

 

โดยมีการติดตั้งเครื่องควบคุมความชื้นและเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ระบบไฟฟ้าสามารถกลับมาใช้งานปกติแล้ว ส่วนโบราณสถานวัดชลธาราสิงเห อำเภอตากใบ ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนัก

 

สำหรับจังหวัดยะลา ได้รับรายงานโบราณสถานถ้ำคูหาภิมุข และถ้ำศิลป์ อำเภอเมืองยะลา                

 

เป็นพื้นที่ภูเขา ที่ถ้ำศิลป์มีก้อนหินร่วงหล่นลงทับราวบันไดทางขึ้น เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้เข้าเคลียร์พื้นที่แล้ว และงดการเดินขึ้นเป็นการชั่วคราว เพื่อรอซ่อมแซมราวบันได และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากสภาพของหินยังมีการอุ้มน้ำอาจมีก้อนหินร่วงหล่นซ้ำ

 

 

ด้านโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังไม่ได้รับผลกระทบ มีเพียงน้ำท่วมขังรอการระบาย ระดับความสูง ประมาณ 10 - 30 ซม. เช่นที่เมืองโบราณยะรัง อำเภอยะรัง อย่างไรก็ดี ได้สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานข้อมูลอย่างต่อเนื่องต่อไป

 

ทั้งนี้ภายหลังน้ำลดกรมศิลปากรจะเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายหากโบราณสถานอยู่ในสภาพชำรุดที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของโบราณสถาน และความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว จะได้ดำเนินการบูรณะตามหลักการอนุรักษ์ให้คงสภาพต่อไป