แจงตรวจสอบ 'รถเมล์ไฟฟ้า' ชนรถสองแถว ไม่พบรถผิดปกติ กรมขนสงฯ เตรียมลงดาบ

ตามที่มีข่าวเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับ "รถเมล์ไฟฟ้า" สาย 113 มีนบุรี-หัวลำโพง ขับรถชนกับรถสองแถว มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย เหตุเกิดวันที่ 14 พ.ย. 2566 บริเวณปากซอยรามคำแหง 203/1 ถนนรามคำแหง ขาออก มุ่งหน้ามีนบุรี เวลาประมาณ 11.00 น.  กรมการขนส่งทางบก โดยกองตรวจการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็น "รถเมล์ไฟฟ้า" รถโดยสารประจำทางสาย 113 มีนบุรี – หัวลำโพง  ของบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด โดยกองตรวจการขนส่งทางบกจะเรียกพนักงานขับรถคันดังกล่าวมาสืบสวนข้อเท็จจริงหากพบการกระทำความผิด จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ฐานฝ่าฝืนหน้าที่ของผู้ขับรถให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ตามมาตรา 111 ประกอบมาตรา 161  ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง มีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทันที

TSB ขอแสดงความเสียใจและขออภัยอุบัติเหตุรถเมล์สาย 113 

บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ได้ชี้ออกจดหมายชี้แจง ถึงเหตุการ "รถเมล์ไฟฟ้า" ชนกับรถสองแถว ว่า 
จากกรณีอุบัติเหตุรถโดยสารปรับอากาศ สาย 113 หมายเลขปฎิรูป 1-44 (32) ชนกับรถสองแถวของ บริษัท ปู่อินทร์ ทรานสปอร์ต สาย 1314 (99) บริเวณ ปากซอย รามคำแหง 203/1 กรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 8 ราย หลังการเกิดเหตุทางบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดูแลช่วยเหลือส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทันที พร้อมประสานประกันภัยเข้ารับเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาให้แก่ผู้บาดเจ็บทุกราย

สำหรับสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ทางบริษัทได้ทำการตรวจสอบ พบว่า รถเมล์คันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วปกติที่อัตรา 55 กม.ต่อชั่วโมง ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ระบบของรถไม่มีความผิดปกติใด ๆ ด้านพนักงานขับรถยอมรับว่า ตนเองประมาทเหม่อไปชั่วขณะตอนเปลี่ยนเลนจากซ้ายสุด เข้าเลนกลาง จนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น โดยทางบริษัทขอแสดงความเสียใจ และขออภัยต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมขอรับผิดชอบค่าเสียหายและดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บทุกรายอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ทางบริษัท จะเพิ่มมาตรการฝึกอบรมความปลอดภัยในการให้บริการ พร้อมบังคับใช้มาตรการของทางบริษัทอย่างเข้มข้นเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมา พร้อมกวดขันบุคลากรที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนของการเดินรถให้มีความระมัดระวังต่อการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้นต่อไป