รพ.ตำรวจ แจงรับตัว 'ทักษิณ' เหตุราชทัณฑ์ขาดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

23 ส.ค.2566 โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงกรณี เมื่อคืนที่ผ่านมา แพทย์ของราชทัณฑ์ ตรวจอาการของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่ามีอาการป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน ซึ่งทางแพทย์ของราชทัณฑ์ขาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และไม่มีเครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ที่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องส่งมารักษาตัวฉุกเฉินที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อช่วงประมาณ 01.00 น.  ที่ผ่านมา

 

 

        

 

การส่งตัวผู้ป่วยจากเรือนจำมารักษาที่ รพ.ตำรวจ เป็นเรื่องปกติที่ได้ทำมาตลอด โดยมี MOU ระหว่าง ราชทัณฑ์และ ตร. ตั้งแต่ 1พ.ค. 2563  เพราะโรงพยาบาลมีความเหมาะสม ทั้งในด้าน ศักยภาพการแพทย์ และมีเจ้าหน้าที่สนับสนุนราชทัณฑ์ในการ เฝ้าระวัง การรักษาความปลอดภัย

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่ามีการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร เข้ารักษาตัว รพ.ตำรวจ เป็นการด่วน เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ด้วยอาการแน่นหน้าอก โดยแพทย์ประเมินความเสี่ยงป่วยหลายโรค แต่ รพ.ราชทัณฑ์ ขาดเครื่องมือที่มีศักยภาพ อาจส่งผลต่อชีวิต พร้อมจัดกำลังควบคุมตามระเบียบนั้น

 

 

ผู้สื่อข่าวได้สำรวจที่บริเวณอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ พบเป็นตึกสูงจำนวน 20 ชั้น พื้นที่โดยรอบไม่มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเป็นพิเศษ มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตามปกติเท่านั้น

 

 

 

 

โดยที่ชั้นที่ 14 ซึ่งเป็นส่วนของหอพักผู้ป่วยระดับสูง มีห้องพักขนาดใหญ่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ปีก ซ้าย ขวา ปีกละ 6 ห้อง รวมทั้งสิ้น 12 ห้อง หมายเลขห้องไล่เรียงตั้งแต่ 1401-1412

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายทักษิณ พักรักษาตัวห้องหมายเลข 1401 ซึ่งเป็นห้องรอยัลสูท หลังเข้าการรักษาตัว แพทย์ทางด้านศัลยกรรมระบบประสาท ได้มีการให้ยาละลายลิ่มเลือด ยาความดัน  ยาคลายเครียด

 

 

 

 

แต่จากการสังเกตพบว่าตลอดทั้งชั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งใน และนอกเครื่องแบบประจำอยู่ หรือ เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ เฝ้าดูแลความปลอดภัยแต่อย่างใด มีแต่เพียงพยาบาลที่คอยเดินดูผู้ป่วยเท่านั้น

 

จากการสอบถามพยาบาลบริเวณชั้นดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ไม่ระบุว่านายทักษิณ พักอยู่ที่ชั้นดังกล่าวจริงหรือไม่ ส่วนจะมีการแถลงเกี่ยวกับกรณีของนายทักษิณ หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังไม่ได้รับคำสั่งจากนายแพทย์ใหญ่ 

 

 

 

 

อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา  บริเวณ ชั้น 1 ถึงชั้น 8 จะเป็นห้องตรวจแยกเป็นสัดส่วนตามลักษณะของโรค  ส่วนชั้น10-ชั้น13 เป็นหอผู้ป่วยพิเศษอายุรกรรม และที่ชั้น 14  เป็นหอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง ชั้น 15-16 เป็นหอผู้ป่วยไอซียู และหอผู้ป่วยนรีเวชกรรม

 

ชั้น 17-18 เป็นหอผู้ป่วยพิเศษสูตินรีเวชกรรม และหอผู้ป่วยพิเศษ อายุกรรม และหอผู้ป่วย Stroke Unit (หอผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง) ส่วนชั้น 19 เป็นสำนักงานนายแพทย์ใหญ่ และชั้นสุดท้าย ชั้นที่ 20 เป็นห้องประชุมชัยจินดา