ข่าว

'ส่วยสติ๊กเกอร์' ไม่จบ วิโรจน์ ราวี รักษาการนายกฯ อยู่มา 9 ปี ไม่แก้ปัญหา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หัวหมู่ทะลวงฟัน แห่งพรรคก้าวไกล "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร "รับบทจักรยานดับเครื่องชนสิบล้อ สงสัยปม"ส่วยทางหลวง" - "ส่วยสติ๊กเกอร์" คนเป็นรักษาการนายกฯ นั่งบัญชาการในทำเนียบ 9 ปี ทำไมไม่ทำอะไร ย้อนควรดึงคนเหล่านี้ที่หาผลประโยชน์ เรียกไปปรับทัศคติให้ซึมลงสู่สมอง

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส.พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า วันพฤหัสที่ 8  มิ.ย. จะเข้าให้ข้อมูลกับจเรตำรวจแห่งชาติ   รวมถึง  พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบ.ทล.) เพื่อนำเบาะแสที่ได้รับจาก สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย   ว่าด้วยเรื่อง "ส่วยทางหลวง"  และ "ส่วยสติ๊กเกอร์"  เพื่อนำไปสู่การปราบปรามปราบขบวนการหาผลประโยชน์  ข้อมูลที่มีเวลานี้    ขบวนการหาผลประโยชน์ มีความเกี่ยวข้องในหลายส่วน  ทั้ง นักการเมือง ผู้ประกอบการท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ด่านชั่ง ตำรวจท้องที่ที่ทำงานด้านจราจร และตำรวจทางหลวง ซึ่งสติกเกอร์แต่ละดวงมีความเกี่ยวพันไม่เหมือนกัน 

 

 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่อยากตั้งคำถามไปถึงนายกรัฐมนตรีรักษาการ คือ 8 - 9 ปี ทำไมถึงปล่อยให้อยู่ในสภาพแบบนี้ จากเดิมเคยมีมาตรา 44 ทำไมถึงไม่เรียกคนพวกนี้มาปรับทัศนคติบ้าง ปัญหามันมีอยู่จริง ซึ่งวันนี้และในอนาคต คงไม่สามารถแก้ด้วยการปราบปรามอย่างเดียว    ต้องแก้เรื่องของกฎหมายที่ไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติด้วย รวมถึงการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ ที่ใช้ดุลพินิจเกินความจำเป็น และบทกำหนดโทษ ที่หนักเกินไปจนไม่ได้สัดส่วน ทำให้เจ้าหน้าที่บางคนใช้เป็นเครื่องมือในการเรียกรับผลประโยชน์ มองว่าควรจะต้องแก้ไขกฎหมายทั้งสามส่วนนี้ และจะนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มมากขึ้นด้วย 

 ทั้งในการช่างน้ำหนักของรถบรรทุก หากน้ำหนักเกินก็จะต้องมีบทกำหนดโทษอย่างเหมาะสม เพราะทุกวันนี้น้ำหนักเกินโทษถึงขั้นยึดรถ ดังนั้นเมื่อเจอตำรวจบางรายก็ได้โอกาสหาช่องเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นช่องให้พนักงานสอบสวนค้าสำนวน เปลี่ยนถูกให้เป็นผิดเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก จึงควรต้องแก้บทกำหนดโทษให้มีการเปรียบเทียบปรับอย่างสมเหตุสมผล และใช้เทคโนโลยีในการจ่ายค่าปรับเพื่อให้เงินเข้ารัฐแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาจะต้องทำที่ระบบไม่ได้แก้ไขปัญหาเพียงแค่การปราบปรามเพียงอย่างเดียวเพราะจะทำให้งอกขึ้นมาใหม่ได้


"  หลังจากที่ออกมาเปิดโปงก็มีการโทรศัพท์มาคุกคาม มาบ่นให้ฟัง และพูดหยาบคายแต่ผมก็ตัดสายไป เพราะเชื่อว่า หากทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่ต้องกลัวอะไร และหลายคนที่เป็นห่วงวิโรจน์และเป็นห่วงพรรคก้าวไกล แนะนำให้ระวังตัวไว้ด้วยนั้น ผมมองว่าสังคมควรต้องเปลี่ยนจากการระวังตัวเป็นการให้กำลังใจและประชาชนจะอยู่ข้าง และปกป้องคุณมากกว่า ก็จะทำให้คนที่คิดทำเพื่อสิ่งที่ดี มีกำลังใจมากขึ้น      ต้องเปลี่ยนจากคำว่าระวังตัวและเป็นห่วง ให้กลายมาเป็นคำที่ว่าเดินหน้าเต็มที่ ประชาชนจะอยู่เคียงข้างคุณ  ใครทำอะไรคุณประชาชนจะเอาคืนมันเอง"  นายวิโรจน์ ระบุ

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ