ยุคเปลี่ยนผ่าน รักษาราชการ ผบก.ทล. รับมีบัญชีดำจนท.พัน 'ส่วยสติ๊กเกอร์'

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบ.ทล.) เปิดเผยว่า วันอังคารที่ 6  มิ.ย.  จะเรียกชุดสืบสวนทางลับ ที่สั่งการให้ไปตรวจสอบเรื่อง "ส่วยสติ๊กเกอร์" มาประชุมเพื่อดูความคืบหน้าในส่วนต่างๆ เพื่อวางแนวทางการทำงานต่อไป   ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการ 3 - 4 ราย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากส่วยสติ๊กเกอร์  หรือขบวนการหาผลประโยชน์ส่วยทางหลวง ได้ส่งข้อมูลหลักฐานพร้อมทั้งให้รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการเรียกเก็บส่วยมาให้บ้างแล้ว

ในขั้นต้นพอจะรู้ตัวแล้วว่าเป็นใครบ้าง ที่เป็นตัวการเกี่ยวพันในเรื่องการเรียกรับ "ส่วยสติ๊กเกอร์"  อย่างไรก็ตามขอตรวจดูให้แน่ชัดก่อน ถึงจะบอกได้ว่ามีกี่คน แต่เท่าที่ได้รับรายงานข้อมูลมานั้น กลุ่มนี้น่าจะมี  กำลังพล 5 - 6   นาย   สำหรับมาตรการลงโทษนั้นมีอยู่แล้ว เบื้องต้นจะสั่งให้มาช่วยราชการโดยขาดจากตำแหน่งเดิม จากนั้นจะเรียกตัวมาสอบสวนเป็นราย ๆ ไป เพื่อหาดูว่ามีใครเกี่ยวข้องอีก ส่วนการลงโทษทางด้านการปกครองนั้นก็จะตัองมีทั้งทางด้านวินัยและอาญา"  เขา  กล่าว 
 

อนึ่งความเคลื่อนไหวของ  ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงเกิดขึ้น ก่อนที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สมาพันธ์ขนส่งทางบก จะเข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบ.ทล.)   ในวันพฤหัสที่ 8 เพื่อนำเบาะแสที่ได้รับจาก สหพันธ์การขนส่งทางบกทางบกแห่งประเทศไทย   ต่อประเด็น  " ส่วยสติ๊กเกอร์" หรือการหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ที่คาดว่าต่อปีสูงถึง 10,000 ล้านบาท   และข้อมูลที่ได้จากพลเมืองดีว่าด้วยเรื่องนี้มอบให้ เพื่อที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้นำไปขยายผลต่อไปในการปราบปราม