
อาจารย์แม่ รศ. สุนีย์ สินธุเดชะ หนึ่งในความทรงจำยุค 90
ความทรงจำดีๆในยุค 90 เปิดภาพปัจจุบัน อาจารย์แม่ รศ. สุนีย์ สินธุเดชะ พร้อมประวัติในชีวิตการทำงาน โด่งดังจากเวทีโต้วาที
เป็นอีกหนึ่งโมเม้นต์ในความทรงจำของคนที่โตมาในยุค 90 กับ ภาพจำอันคุ้นเคยของ อาจารย์แม่ หรือ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ หลังได้มีการเปิดภาพปัจจุบันในวัย 87 ปี ของ รศ.สุนีย์ ที่เพิ่งผ่านวันเกิดเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนหวนนึกถึงภาพความทรงจำ อาจารย์ผู้ออกเสียงภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ แฝงไว้ด้วยความใจดี ที่ออกรายการทีวีในยุคนั้น
อาจารย์แม่ สุนีย์ นั้น เกิดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2479 เป็นชาวตากโดยกำเนิด ศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา - มัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนสตรีผดุงปัญญา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี อักษรศาสตรบัณฑิต และครุศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (นักเรียนทุนกระทรวงศึกษาธิการ)
สมรสกับ พลอากาศตรี ประเทศ สินธุเดชะ มีบุตรสาวคนเดียว คือ ดร.นิธินาถ สินธุเดชะ เตลาน
อาจารย์แม่ มีชื่อเสียงในยุค 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 จากการโต้วาทีที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยกับนักศึกษา โดยมีการโต้ที่เด็ดขาด เฉียบแหลม สามารถตอบโต้ได้ทุกคำค้านของฝ่ายค้าน หยิบประเด็นใดมาก็สามารถโต้ได้หมด โดยอาจารย์แม่เคยเป็นนักพูดประจำรายการทีวีวาที เป็นแขกรับเชิญยุคแรกกับรายการจันทร์กะพริบ รายการสี่ทุ่มสแควร์ และมักถูกเชิญให้ไปเป็นกรรมการตัดสินการพูดโต้วาทีหลายครั้ง เมื่ออาจารย์แม่มีอายุมากขึ้นก็เริ่มรับงานน้อยลงวางมือทั้งงานพูดและงานบริหาร
ชีวิตการทำงานนั้น รศ.สุนีย์ เคยอาจารย์ประจำสาขาวิชาการสอนภาษาไทย ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "อาจารย์แม่" หรือที่นักเรียนในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม และอนุบาลเรียกว่า "คุณยาย"
และยังเป็นอาจารย์พิเศษ โรงเรียนผู้บังคับหมวดทหารอากาศ สถาบันจิตวิทยาและความมั่นคง มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล (มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชในปัจจุบัน) วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ และอีกหลายสถาบัน รวมทั้งยังเป็น นายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
ในช่วงเวลาหนึ่ง อาจารย์แม่ เคยทำงานการเมืองระยะสั้นๆ ร่วมงานการเมืองกับ ดร.พิจิตต รัตตกุล โดยเข้ารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคถิ่นไทย ในปี พ.ศ. 2543 ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ได้ลาออกจากพรรคถิ่นไทย จึงได้ลดบทบาททางการเมืองลงไป