
กรมอุทยานแห่งชาติฯ เฝ้าระวัง “ฝีดาษวานร” ในสัตว์ป่า
กรมอุทยานแห่งชาติฯ สั่งเฝ้าระวัง “ฝีดาษวานร” และออกแนวทางป้องกันในสัตว์ป่า เนื่องจากแพร่ระบาดจากคนสู่สัตว์ได้
จากกรณีการแพร่ระบาด ของโรคฝีดาษวานร (Monkey Pox) ซึ่งสามารถแพร่จากคนสู่สัตว์ได้นั้น ล่าสุด นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้ความสำคัญในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค "ฝีดาษวานร" (Monkey Pox) เนื่องจากพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น
จึงให้หน่วยงานในสังกัดเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร โดยปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโรคฝีดาษวานรในสัตว์ป่า กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพอนามัยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ทำงานใกล้ชิดกับสัตว์ป่า รวมถึงประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวให้ตระหนักถึงการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ส่วนแนวทางการดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโรคฝีดาษวานร (Monkey Pox) ในสัตว์ป่าสำหรับเจ้าหน้าที่
1. หากมีอาการที่เข้าข่ายหรือคล้ายกับอาการของโรค "ฝีดาษวานร" (Monkey Pox) ให้งดการให้อาหารสัตว์ป่า การเลี้ยงดูแลสัตว์ป่า และการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ป่า จนกว่าจะได้รับการตรวจวินิจฉัยยืนยันจากแพทย์ว่าไม่ได้เป็นโรคฝีดาษวานร
2. รักษาสุขอนามัยส่วนตัว ใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง เป็นต้น ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ก่อนและหลังสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ป่าทุกครั้ง
3. หมั่นสังเกตอาการป่วย/ความผิดปกติของร่างกายตนเอง โดยเฉพาะอาการผื่นต่างๆที่ขึ้นตามร่างกาย
4. หมั่นสังเกตอาการป่วย/ความผิดปกติของสัตว์ป่าที่ดูแลเป็นประจำ หากพบอาการป่วยให้รีบแจ้งสัตวแพทย์และผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการรักษาต่อไป
5. รักษาความสะอาดบริเวณโดยรอบสถานที่เลี้ยงสัตว์ป่า หรือบริเวณที่สัตว์ป่าธรรมชาติอาจมีโอกาสเข้ามาใช้ประโยชน์ ไม่ให้มีขยะที่อาจแพร่เชื้อโรค เช่น ก้นบุหรี่ หน้ากากอนามัย กระดาษชำระที่เช็ดน้ำมูก/สิ่งคัดหลั่งอื่นๆ เป็นต้น
6. เนื่องจากโรค "ฝีดาษวานร" มีสัตว์ฟันแทะเป็นพาหะของโรคได้ จึงควรรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่เลี้ยงสัตว์ และควบคุมสัตว์พาหะต่างๆ เช่น หนู แมลงสาบ เป็นต้น
7. หากมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร หรือผู้ป่วยสงสัยโรค "ฝีดาษวานร" หรือสัตว์ป่วยสงสัยโรคฝีดาษวานร ให้งดทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าทุกกรณี เป็นระยะเวลาอย่างน้อย30 วัน (ระยะฟักตัวของเชื้ออยู่ที่ 5 – 21 วัน) เพื่อลดโอกาสในการแพร่กระจายโรคไปสู่สัตว์ป่า
ส่วนแนวทางเพื่อเฝ้าระวังและป้องกัน "ฝีดาษวานร" สำหรับนักท่องเที่ยว คือ
1. ไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า กรณีมีกิจกรรมให้อาหารสัตว์ป่าในส่วนแสดงต้องล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ก่อนและหลังให้อาหารสัตว์ป่า
2. ไม่ควรนำอาหารที่เหลือกินจากตนเอง และผู้อื่น มาให้เป็นอาหารสัตว์ป่า เพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อโรคผ่านสิ่งคัดหลั่ง
3. ไม่ควรทิ้งขยะที่อาจแพร่เชื้อโรค เช่น ก้นบุหรี่ หน้ากากอนามัย กระดาษชำระที่เช็ดน้ำมูก/สิ่งคัดหลั่งอื่น ๆ เป็นต้น ในบริเวณที่เลี้ยงสัตว์ปา หรือบริเวณที่สัตว์ป่าธรรมชาติอาจมีโอกาสสัมผัสได้ (ทิ้งขยะในจุดที่ทางสถานที่กำหนดไว้ให้)
4. ไม่ควรบ้วนน้ำลาย หรือสิ่งคัดหลั่งอื่นๆ ในบริเวณที่เลี้ยงสัตว์ป่า หรือบริเวณที่สัตว์ป่าธรรมชาติอาจมีโอกาสสัมผัสได้