ข่าว

ชงตรวจสอบรับบำเน็จบำนาญอธิการบดีคนนอก ม.ราชการ

ชงตรวจสอบรับบำเน็จบำนาญอธิการบดีคนนอก ม.ราชการ

17 มิ.ย. 2560

"ทปสท.ชงปปช.-สตง.ตรวจสอบการแต่งตั้ง และการรับบำเน็จบำนาญอธิการบดีคนนอก ม.ราชการ"

       ผศ.ดร.รัฐกรณ์  คิดการ ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย(ทปสท.)เปิดเผยว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย(ทปสท.) ได้จัดประชุมสัมมนา หัวข้อ "สร้างระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลและค่าตอบแทนบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาอย่างไรให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ" ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
        ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนและพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งปัญหาการแต่งตั้งผู้บริหารโดยเฉพาะตำแหน่งอธิการบดีคนนอกของมหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งเป็นส่วนราชการ

ชงตรวจสอบรับบำเน็จบำนาญอธิการบดีคนนอก ม.ราชการ
       

        ผลการประชุม ที่ประชุมมีมติให้ยื่นปปช.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) กรณีการเสนอรายชื่อบุคคลซึ่งไม่มีสถานภาพข้าราชการพลเรือน/พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอธิการบดี เนื่องจากขัดกับแนวคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด รวมถึงคำสั่งทุเลาการบังคับของศาลปกครองนครราชสีมา และศาปครองกลาง ซึ่งกรณีดังกล่าว ทปสท. เคยยื่นหนังสือขอให้มีการทบทวนไปหลายครั้งแล้ว แต่สกอ. ยังคงมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดีอีกหลายราย 
         ส่วนกรณีอธิการบดีรับทั้งบำเหน็จบำนาญและเงินเดือนจากส่วนราชการ ที่ประชุมมีมติให้ยื่นสตง. เพื่อตรวจสอบเนื่องจากเข้าข่ายขัดกับพ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2543 ข้อ 8 กำหนดบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์รับบำเหน็จบำนาญปกติตามพ.ร.บ.นี้ (3)"ข้าราชการวิสามัญหรือลูกจ้าง เว้นแต่กรณีมีข้อกำหนดให้บำเหน็จหรือบำนาญไว้ในหนังสือสัญญาจ้างตามความต้องการของรัฐบาล" ซึ่งกรณีนี้เทียบเคียงได้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาซึ่งรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 184 ยกเว้นให้สามารถรับเงินจากส่วนราชการพร้อมกับบำเหน็จบำนาญได้ แต่คนที่เกษียณอายุราชการแล้วไปดำรงตำแหน่งอธิการบดีน่าจะเข้าข่ายการเป็นลูกจ้างซึ่งไม่มีกฎหมายยกเว้นให้รับเงินจากส่วนราชการพร้อมกับรับบำเหน็จบำนาญได้ จึงเป็นการรับเงินเดือนจากส่วนราชการ 2 ทางพร้อมกัน ซึ่งน่าจะขัดกับ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญดังกล่าว

ชงตรวจสอบรับบำเน็จบำนาญอธิการบดีคนนอก ม.ราชการ
       

        นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ยื่นหนังสือไปยังสำนักงบประมาณ กรณีการจัดสรรงบประมาณปรับเพิ่มเงินเดือนรายปีของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาเพียง 4% ทั้งที่ปกติต้องจัดสรร 6% ส่วนการจ่ายเงินเดือนนั้นสถาบันอุดมศึกษาไม่มีสิทธิหักเงินมาเก็บไว้เป็นกองทุน ต้องจ่ายตามมติครม. ในอัตรา 1.5 เท่า และ 1.7 เท่าของข้าราชการ รวมทั้งเสนอให้แต่ละสถาบันแก้ไขสัญญาพนักงานให้เหมือนกันทั้งหมดคือ หลังทดลองงาน 1 ปี ให้ทำสัญญาถึงอายุ 60 ปี แล้วใช้การประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามสัญญา ส่วนการขอปรับเพิ่มเงินเดือน 8 % ของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อให้เทียบเท่าข้าราชการครูนั้น

         ที่ประชุมเห็นควรเร่งรัดคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา(ก.พ.อ.) เพื่อนำเสนอครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติให้มีการปรับเพิ่มโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารงานบุคคล ของข้าราชการพลเรือนและพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 258 จ. ด้านการปฏิรูปการศึกษา (3)ที่ระบุ "ให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูและอาจารย์ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถ รวมทั้งมีกลไกสร้างระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลของผู้ประกอบวิชาชีพครู"