"มาครง" พลิกเกม! ตั้งคนสนิท "เลอกอร์นู" นั่งนายกฯ ฝรั่งเศสคนใหม่ | คมชัดลึก

 

เมื่อวันอังคารที่ 9 ก.ย. 2568 สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ได้ประกาศแต่งตั้งนายเซบาสเตียน เลอกอร์นู รัฐมนตรีกลาโหมคนสนิท วัย 39 ปี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนที่นายฟรองซัวส์ บายรู ที่ถูกโหวตไม่ไว้วางใจจนต้องพ้นจากตำแหน่งไปเพียง 24 ชั่วโมง การตัดสินใจครั้งนี้ของมาครง เป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่าย เนื่องจากชื่อของนายเลอกอร์นูถูกจับตามองมานานว่าเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลคนต่อไป ด้วยประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนานกว่า 3 ปี และบทบาทสำคัญในการรับมือกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน

 

 

ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ รัฐบาลฝรั่งเศสระบุว่าภารกิจเร่งด่วนของนายเลอกอร์นูคือการเปิดเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อผลักดันให้ร่างงบประมาณฉบับใหม่ของประเทศผ่านความเห็นชอบจากสภาให้ได้ อย่างไรก็ตาม เส้นทางของนายกฯ คนใหม่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะการผลักดันงบประมาณนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลนายบายรูต้องล่มสลาย และฝ่ายค้านจากทั้งซ้ายจัดและขวาจัดต่างก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดศึกอภิปรายเพื่อเล่นงานนายเลอกอร์นูอย่างเต็มที่

 

 

ฟางเส้นสุดท้าย "บายรู" เดิมพันอนาคตชาติแต่พ่ายแพ้

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้มีต้นตอมาจากเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 8 ก.ย. เมื่อนายฟรองซัวส์ บายรู พ่ายแพ้ในการลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภาอย่างยับเยิน ด้วยคะแนน 364 ต่อ 194 ทำให้เขาและคณะรัฐมนตรีต้องยื่นหนังสือลาออกในวันรุ่งขึ้นต้นเหตุของความพ่ายแพ้มาจากการตัดสินใจของนายบายรู ที่เดิมพันตำแหน่งนายกฯ ในการอภิปรายฉุกเฉินเพื่อขอความไว้วางใจเรื่องหนี้สินของประเทศ ซึ่งตลอดช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เขาได้ออกมาเตือนประชาชนถึงภัยคุกคามต่อ "การดำรงอยู่" ของฝรั่งเศส หากไม่มีการจัดการกับหนี้สินจำนวนมหาศาลกว่า 3.4 ล้านล้านยูโร เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ในร่างงบประมาณปี 2569 นายบายรูได้เสนอมาตรการที่สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมาก เช่น การยกเลิกวันหยุดราชการ 2 วัน และการระงับการจ่ายเงินสวัสดิการและเงินบำนาญ เพื่อหวังประหยัดงบประมาณให้ได้ 4.4 หมื่นล้านยูโร

 

แต่ความหวังของเขาต้องพังทลายลงอย่างรวดเร็ว เมื่อพรรคฝ่ายค้านทั้งฝ่ายซ้ายและขวาจัดได้จับมือกันอย่างแข็งขันเพื่อคว่ำร่างงบประมาณของรัฐบาล ส่งผลให้นายบายรูต้องพ่ายแพ้ในการลงมติไม่ไว้วางใจในที่สุด

 

 

 

ศึกหนักรอ "เลอกอร์นู"

การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเลอกอร์นูจึงถือเป็นการเข้ามารับภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่แตกแยกและเปราะบาง การต้องทำงานกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยและเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านที่พร้อมจะขัดขวางทุกวิถีทาง ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่านายกฯ วัย 39 ปีคนนี้จะสามารถนำพาฝรั่งเศสให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองในครั้งนี้ไปได้อย่างไร?