คดีดังมาเล #JusticeForZara นักเรียนหญิงเสียชีวิตปริศนา พัวพันปมบูลลี่ | คมชัดลึก

 

กลายเป็นประเด็นที่ จุดกระแสให้ชาวมาเลเซียทั้งประเทศ! เดือดดาล เนื่องจากเชื่อมโยงไปถึงกรณีการบูลลี่โดยคดีสะเทือนใจดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นักเรียนชั้นหญิงม.1 วัย 13 ปี ซาร่า  (Zara Qairina Mahathir)โรงเรียน Sekolah Menengah Kebangsaan Agama (SMKA) ถูกพบหมดสติในท่อระบายน้ำใกล้หอพักโรงเรียน ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา แม้ตำรวจจะสรุปคดีเบื้องต้นว่าเป็นการพลัดตกจากชั้น 3 ของหอพัก แต่ครอบครัวกลับไม่เชื่อ เพราะพบร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย จึงเกิดการเรียกร้องขอความเป็นธรรมจนเกิดแฮชแท็ก #JusticeForZara พุ่งติดเทรนด์อย่างรวดเร็ว

 

 

 

ขุดศพชันสูตรรอบ 2 พบหลักฐานสำคัญ-คลิปเสียงมัดตัวคนร้าย

18 กรกฎาคม ร่างของซาร่า ถูกเตรียมนำไปฝังที่โรงพยาบาลโดยไม่มีการชันสูตรพลิกศพ โนราอิดาห์ ลามัต มารดาของเธอ บอกว่า เธอเห็นรอยฟากช้ำที่หลังของลูกสาว ระหว่างทำพิธีอาบน้ำ ทำให้เอะใจ ซึ่งรอยฟากช้ำดังกล่าวเป็นรายละเอียดที่ไม่ได้รายงานให้ตำรวจทราบในตอนแรก ทำให้วันที่ 9 สิงหาคมมีการขุดศพของซาร่าขึ้นมาเพื่อทำการชันสูตรรอบที่ 2  โดยมี นักพยาธิวิทยา 4 คนทำการชันสูตรพลิกศพ รวมทั้งที่ปรึกษาทางนิติเวชศาสตร์ ทั้งมี ทนายความและตำรวจ 3 นาย สังเกตการณ์ชันสูตรที่นานกว่า 8 ชั่วโมง พร้อมทั้งมีคลิปเสียงที่ซาร่าเคยคุยกับแม่ของเธอเกี่ยวกับการถูก "รุ่นพี่" ข่มขู่และบูลลี่ในโรงเรียน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำผิด 

 

 

ทนายความแถลง ยืนยันแม่ไม่เคยให้ข้อมูล

ทนายความของครอบครัวซาร่าได้ออกมาแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข่าวลือที่แพร่สะพัดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะวิดีโอที่มีหญิงคนหนึ่งกล่าวอ้างว่า ซาร่าถูกใส่เข้าไปในเครื่องซักผ้า ซึ่งทนายความได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงการคาดเดา และยืนยันว่าแม่ของซาร่าไม่เคยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวกับใคร การออกมาแถลงการณ์ในครั้งนี้เป็นการยืนยันความจริง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และยังได้เรียกร้องให้หญิงที่ปรากฏในวิดีโอออกมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อช่วยในการสืบสวนคดีให้คลี่คลายและสามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ในที่สุด

 

 

 

 

 

 

อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อคดีนี้ว่า การสืบสวนคดีการเสียชีวิตของซาร่าจะดำเนินการอย่างโปร่งใสและยุติธรรมที่สุด โดยจะไม่มีการประนีประนอมกับผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังได้เรียกร้องให้ประชาชนหยุดนำคดีนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือนำไปคาดเดาจนเกิดการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี และสร้างความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นในสังคม

 

มวลชนกว่า 3,000 คนประท้วงเรียกร้อง

ล่าสุดมีมวลชนกว่า 3,000 คนในเมืองลาบวน นัดแต่งกายด้วยเสื้อสีดำเพื่อร่วมชุมนุมประท้วงเรียกร้องความจริงและยุติการบูลลี่ โดยมีผู้นำทางการเมืองและประชาชนจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ซึ่งเป็นการแสดงพลังของประชาชนที่ไม่ยอมให้คดีนี้เงียบหายไปในที่สุด

 

 

 

อ้างอิงที่มา www.malaymail.com