
ประวัติ "สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 " Leo XIV โป๊ปองค์ใหม่
ประวัติ "สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 " Leo XIV หรือ พระคาร์ดินัล Robert Prevost พร้อมย้อนวิสัยทัศน์จากดำรัสแรกวันรับตำแหน่ง
ภายหลังการประชุมลับ (Conclave) ของคณะพระคาร์ดินัล ที่โบสถ์ Sistine chapel นครรัฐวาติกัน สิ้นสุดลง พร้อมสัญลักษณ์ควันสีขาวที่ถูกปล่อยออกมาผ่านปล่องควันของโบสถ์ เป็นความหมายว่าได้เลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่สำร็จแล้ว จากรายงานระบุว่า การเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่สำเร็จได้ในการลงคะแนนรอบที่ 4
พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่คือ พระคาร์ดินัล โรเบิร์ต เพรวอสต์ (Robert Prevost) ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน พระองค์ทรงเลือกใช้ชื่อ “โป๊ปลีโอ (Leo XIV)” เป็นพระนามสันตะปาปาของพระองค์
ประวัติโป๊ปลีโอที่ 14 Pope Leo XIV
- พระสันตะปาปา Leo XIV หรือ พระคาร์ดินัล Robert Prevost
- ปัจจุบันมีพระชนมายุ 69 พรรษา
- เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2498 ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
- มีเชื้อสายอิตาเลียน ฝรั่งเศส และสเปน
- เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกในประวัติศาสตร์ที่มาจากสหรัฐอเมริกา
ประวัติการศึกษา
- ปริญญาตรีด้านคณิตศาสตร์และปรัชญาจากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา (Villanova)
- ปริญญาโทด้านเทววิทยาที่มหาวิทยาลัย คาทอลิก เธียโลจิคอล ยูเนียน ( Catholic Theological Union of Chicago)
- ปริญญาเอกทางด้านกฎหมายศาสนจักรจากมหาวิทยาลัย Angelicum ในกรุงโรม หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pontifical University of St. Thomas Aquinas
ประวัติการทำงาน
- ได้รับการบวชเป็นบาทหลวงในปี 2528
- ทำหน้าที่เป็นมิชชันนารีในประเทศเปรูตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 ถึง 2529 และอีกครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 ถึง 2541 โดยดำรงตำแหน่งต่างๆ มากมาย เช่น ศิษยาภิบาลประจำตำบล เจ้าหน้าที่ประจำสังฆมณฑล ครูเซมินารี และผู้บริหาร
- เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแห่งคณะเซนต์ออกัสตินสองวาระ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ถึง พ.ศ. 2556
- ในปี 2557 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นบิชอปแห่งเขตศาสนปกครองชิคยากาเมกาในเปรู และในปี 2564 พระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าสมณกระทรวงเพื่อบิชอป (Dicastery for Bishops) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการคัดเลือกบิชอปทั่วโลก ตำแหน่งนี้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลสูงในวาติกันก่อนการเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปา
พระดำรัสแรกของพระสันตะปาปา Leo XIV
ข้าพเจ้าขออุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้าและพี่น้องทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยากและถูกละเลย ขอให้คริสตจักรของเราเป็นแสงสว่างแห่งความหวังในโลกที่แตกแยก คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำคริสตจักรให้เป็นศูนย์กลางของความเมตตาและความยุติธรรม