หนุ่มป่วยหนัก ตัวเหลืองเหมือนขมิ้น เผย 2 นิสัยสุดพิลึกเหมือนวางยาพิษตัวเอง
หนุ่มป่วยหนัก ตัวเหลืองเหมือนขมิ้น เผย 2 นิสัยสุดพิลึกเหมือนวางยาพิษตัวเอง หมอแนะอย่าทำตามอันตรายถึงชีวิต
9 ก.ย. 2567 สื่อต่างประเทศ เผยเคสผู้ป่วยชายวัย 44 ปี ชาวเวียดนาม หลังป่วยสุดสะพรึงตัวเหลืองเหมือนขมิ้นชันทาตัว แพทย์สืบเจอต้นตอ มาจากพฤติกรรม 2 ข้อเปรียบเหมือนวางยาพิษตัวเอง
เคสผู้ป่วยชายวัย 44 ปี ถูกส่งตัวไปรักษาอาการป่วย ที่โรงพยาบาล Central Tropical Diseases เนื่องจากโรคตับแข็งระยะสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีอาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี และโรคเกาต์ร่วมด้วย
ดูภาพต้นฉบับ คลิกที่นี่
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2565 – 2566 ผู้ป่วยชายรายนี้ เกิดภาวะแทรกซ้อน เลือดออกในกระเพาะอาหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคตับแข็งที่ลุกลาม ต่อมา ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ผู้ป่วยเริ่มมีอาการดีซ่านและท้องอืดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอาการทั่วไปของโรคตับแข็งระยะสุดท้าย
หลังหมอสืบหาต้นตอของโรค ครอบครัวของผู้ป่วยเล่าว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยได้ไปหาหมอแผนโบราณจำนวนมากเพื่อรับยารักษาโรคเกาต์ ซึ่งเป็นยาแผนโบราณ ภูมิปัญญาชาวบ้าน แม้ว่าเขาเลือดออกในกระเพาะอาหาร เขาก็ยังดื้อใช้ยาพวกนั้นต่อไป ซึ่งยาเหล่านี้ทำให้เขาอาการแย่ลง
นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังมีนิสัยชอบดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำซึ่งส่งผลโดยตรง ส่งผลให้โรคตับของเขารุนแรงยิ่งขึ้น ญาติเผยว่า เขาซื้อจากต่างประเทศซึ่งไม่ทราบยี่ห่อและแหล่งที่มา โดยเขาเชื่อว่ายาเหล่านี้สามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว เขามักทานยานี้ทุกครั้งที่รู้สึกปวด โดยอาการปวดจะบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด หลังทานยาผ่านไปเพียง 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังฉีดยาแก้ปวดอื่นๆ ตามอำเภอใจเพื่อควบคุมอาการเจ็บปวดอีกด้วย
ญาติหามผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่แผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาล Central Tropical Diseases เนื่องจากเขามีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องอืด และหมดสติ การวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยมีภาวะตับวายเฉียบพลันจากโรคตับแข็ง และไวรัสตับอักเสบซี แพทย์เผยว่า เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และใช้ยาที่มั่วซั่ว เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ตับของเขาเสียหายอย่างรุนแรง ไม่สามารถเผาผลาญสารพิษในร่างกายได้ จึงช็อกหมดสติ
สำหรับผู้ป่วยโรคตับ จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรอง เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาในเชิงรุกอย่างถูกวิธี การรักษาด้วยตนเองหรือการใช้ยาที่ไม่ทราบแหล่งที่มา อาจทำให้เกิดผลที่ร้ายแรง ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตได้ และห้ามดื่มแอลกอฮอล์
ที่มา : soha