ส่องพระราชประวัติ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 - พระราชินีคามิลลา ก่อนเข้า พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชประวัติ

 

สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 พระราชสมภพเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1948 ที่พระราชวังบักกิงแฮม เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ มีพระยศตั้งแต่แรกประสูติว่า เจ้าชายชาร์ลส์แห่งเอดินบะระ

 

สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นพระโอรสองค์โต ทรงมีพระกนิษฐาและพระอนุชา 3 พระองค์ คือ เจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมาร, เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเอดินบะระ

 

 

 

ใน ค.ศ. 1952 พระราชชนนีของพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เจ้าชายชาร์ลส์ได้รับพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งคอร์นวอลล์ทันที (ในสกอตแลนด์ คือดยุกแห่งรอธซี) นอกจากนี้ยังทรงดำรงพระอิสริยยศ เอิร์ลแห่งแคร์ริก บารอนแห่งเรนเฟรว ลอร์ดแห่งไอเซิล เจ้าชายและจอมทัพแห่งสกอตแลนด์อีกด้วย

 

การศึกษา

 

โดยปกติแล้วพระราชวงศ์ที่มีพระชนม์ระหว่าง 5 – 8 ปีนั้นจะได้รับการศึกษาส่วนพระองค์ที่พระอาจารย์เข้ามาจัดการสอนถวายที่พระราชวังบักกิงแฮม หากแต่เจ้าชายชาร์ลส์เป็นพระราชวงศ์พระองค์แรก (และรัชทายาทของอังกฤษพระองค์แรก) ที่เสด็จเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียน โดยทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนฮิลล์ เฮาส์ในเมืองลอนดอน และต่อมาที่โรงเรียนเตรียมความพร้อมด้านวิชาเคมีในเมืองเบิร์คแชร์ ซึ่งเจ้าชายฟิลิปพระบิดาของพระองค์ได้เสด็จเข้าศึกษาด้วยเช่นกัน ต่อมาพระองค์ได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนกอร์ดอนสตันในประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งนั่นทำให้พระองค์เป็นรัชทายาทพระองค์แรกๆ ที่เข้าศึกษาในระดับโรงเรียนมัธยมทั่วไป

 

พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในภาคศิลปศาสตรบัณฑิต นอกจากนี้พระองค์ทรงยังเข้ารับการศึกษาภาษาเวลส์ที่มหาวิทยาลัยอาเบอริสต์วิธ ในเวลส์เป็นเวลาหนึ่งภาคการศึกษา

 

เจ้าชายชาร์ลส์ ดยุกแห่งคอร์นวอลล์และรอธซีได้รับสถาปนาให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์และเอิร์ลแห่งเชสเตอร์เมื่อพระชันษา 10 ปี หากแต่ได้มีพระราชพิธีขึ้นในอีก 11 ปีต่อมา เจ้าชายชาร์ลส์ได้กลายเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 ในการจะทรงสืบสันตติวงศ์ของอังกฤษโดยไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้สืบมานับตั้งแต่บัดนั้น

 

เมื่อยังดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อาทิ ทรงก่อตั้งองค์การการกุศลเยาวชน ปรินส์ทรัสต์ ในปี 1976 ทรงสนับสนุนปรินส์ชาริตี และทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ ประธานหรือสมาชิกขององค์การการกุศลและองค์การอื่นอีกกว่า 400 แห่ง พระองค์ทรงเรียกร้องให้อนุรักษ์สิ่งก่อสร้างประวัติศาสตร์และความสำคัญของสถาปัตยกรรมในสังคมทรงพระราชนิพนธ์หรือร่วมทรงพระราชนิพนธ์หนังสือกว่า 20 เล่ม พระองค์ทรงสนับสนุนการเกษตรออร์แกนิกและการปฏิบัติเพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระหว่างเป็นผู้จัดการที่ดินกรรมสิทธิ์ดัชชีคอร์นวอล ทำให้ทรงได้รับรางวัลและการยกย่องจากกลุ่มสิ่งแวดล้อมหลายกลุ่ม เป็นต้น

 

ต่อมา ในวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 ทรงเสกสมรสกับเลดี้ไดอานา ณ อาสนวิหารนักบุญเปาโล กรุงลอนดอน แขกจำนวน 3,500 คนถูกเชิญมาในขณะที่ผู้ชมนับพันล้านคนทั่วโลกเฝ้ารอดูพระราชพิธี หลังการอภิเษกสมรสไดอานาได้รับยศเป็น เจ้าหญิงแห่งเวลส์ และเธอยังเป็นสตรีสามัญชนคนแรกที่เสกสมรสกับเจ้าชายแห่งเวลส์ และได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ด้วย

 

สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ มีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ประสูติ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1982 และเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ประสูติ 15 กันยายน ค.ศ. 1984

 

 

ต่อมา สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงหย่าร้างกันในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1996 และเมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 2005 ทรงเสกสมรสอีกครั้งกับ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ กระทั่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตเมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2022 เจ้าชายชาร์ลส์ขึ้นครองราชสมบัติเป็น สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ทำให้ คามิลลา ทรงขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระราชินีคามิลลา แห่งสหราชอาณาจักร โดยพระราชพิธีราชาภิเษกกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 นี้

 

สำหรับ สมเด็จพระราชินีคามิลลา พระราชสมภพที่อีสต์ซัสเซ็กซ์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 ทรงเป็นธิดาของนายบรูซ ชานด์และนางโรซาลินด์ ชานด์ (สกุลเดิม คิวบิต) พระราชมารดาของพระองค์เป็นธิดาของโรแลนด์ คิวบิตที่ 3 บารอนแห่งอาซท์คอมบี้ และเติบโตขึ้นมาในชนชั้นสูงของอังกฤษ ใน พ.ศ. 2516 พระองค์ทรงสมรสกับทหารในกองทัพอังกฤษชื่อแอนดรูว์ พาร์กเกอร์-โบลส์ ทั้งคู่มีบุตรสองคน ก่อนหย่าร้างใน พ.ศ. 2538