ซีดีซีเปิดข้อมูลสำคัญ คนติด"เดลตา"หลังฉีดวัคซีน แพร่เชื้อได้ เบื้องหลังกลับลำสวมแมสก์

สำนักงานควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) เผยแพร่ผลการศึกษา ที่พบว่า ชาวอเมริกันและผู้พำนักในรัฐแมตซาชูเสตส์ ติดโควิด-19 จากการแพร่ระบาดที่บาร์สเตเบิล เมืองริมหาดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูร้อนอย่าง โพรวินซ์ทาวน์ จำนวน 469 ราย  แต่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต  เป็นผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว  74% หรือ 346 ราย ในจำนวนนี้ 79% ป่วยแบบมีอาการ  ถอดรหัสพันธุกรรมพบสายพันธุ์เดลตา คือตัวการหลัก นักวิจัยพบหลักฐานว่า ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ได้วัคซีนครบโดส 127 ราย กับผู้ป่วย 84 รายที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ได้รับ 1 เข็มหรือไม่ทราบสถานะรับวัคซีน มีปริมาณไวรัส หรือ viral load พอ ๆ กัน  ปริมาณไวรัสคือสิ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น 
 

ดร.ราเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี อ่านรายงานนี้ก่อนประกาศคำแนะนำใหม่เมื่อวันอังคาร ว่าผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโควิด-19 แพร่ระบาดสูงหรือระบาดอย่างมีนัยสำคัญ ควรกลับมาใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดอีกครั้ง และเวลานี้ ประชากรสหรัฐกว่า 75% อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว  “ปริมาณไวรัสสูงบ่งชี้ถึงความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อสูงขึ้น และเพิ่มความวิตกว่า ผู้ฉีดวัคซีนแล้วที่ติดเดลตา สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้” ผอ.ซีดีซีกล่าว และเสริมว่า ผลศึกษาที่พบว่า สายพันธุ์เดลตาก่อปริมาณไวรัสไม่ต่างกัน คือ การค้นพบสำคัญที่นำไปสู่การอัปเดตคำแนะนำเรื่องการสวมแมสก์ เพื่อความมั่นใจว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะไม่แพร่ไวรัสให้กับผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว รวมถึงคนที่เรารักที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และผู้มีปัญหาภูมิคุ้มกันต่ำ 

ข้อมูลเดิมก่อนมีเดลตา ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปริมาณไวรัสต่ำกว่า เมื่อป่วย อาการจะไม่รุนแรงและระยะเวลาป่วยสั้นลง แต่ผลวิจัยใหม่โดยนักวิทยาศาสตร์จีนพบว่า ผู้ติดเชื้อเดลตา มีปริมาณไวรัสกระจายในโพรงจมูกมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 1,000 เท่าเลยทีเดียว 

เมื่อสองวันก่อน สื่อสหรัฐเผยแพร่เอกสารภายในของซีดีซี ระบุว่า โควิดสายพันธุ์แรกเริ่ม ใกล้เคียงกับหวัดธรรมดา แต่สายพันธุ์เดลตาระบาดง่ายพอ ๆ กับอีสุกอีใส ซึ่งหมายความว่า ตอนที่ระบาดแรกเริ่ม  ผู้ติดเชื้ออาจแพร่ให้กับผู้อื่นได้ 2-3 คนในบางเงื่อนไข แต่เดลตา อาจแพร่ต่อได้ 5-9 คน