ส่องข้อเรียกร้องของนักศึกษาอินโดนีเซีย ชนวนเหตุการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่สุด ตั้งแต่การโค่นล้มซูฮาร์โต 21 ปีก่อน
อินโดนีเซียเผชิญกับการรวมตัวชุมนุมประท้วงของนักศึกษาครั้งใหญ่แบบที่ไม่เคยเห็นอีกเลย นับจากที่พวกเขาเคยเป็นพลังสำคัญ ปิดฉากระบอบเผด็จการกว่า 30 ปี ภายใต้ประธานาธิบดีซูฮาร์โต ในปี 2541
สำนักข่าวตะวันตกส่วนใหญ่พุ่งไปยังประเด็นที่ว่า การปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ที่กำหนดให้เพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน เป็นความผิด คือชนวนเหตุสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่อาจมีผลถึงนักท่องเที่ยวบนเกาะบาหลี
ในความเป็นจริงแล้ว ร่างกฎหมายอาญา เป็นแค่หนึ่งในร่างกฎหมายหลายฉบับที่นักศึกษาอินโดนีเซีย กำลังต่อต้านเท่านั้น แต่เป็นความอึดอัดคับข้องใจสะสมอีกหลายเรื่องรวมกัน โดยเฉพาะความพยามบั่นทอนองค์กรอิสระปราบโกง
ด้วยความหลากหลายของข้อเรียกร้องนี้เอง ที่กลายเป็นอีกเหตุผลทำให้การขับเคลื่อนครั้งนี้ ได้มวลชนและกระแส
Jakarta Post
จาการ์ตา โพสต์ สรุปข้อเรียกร้อง 7 ข้อ
- ปฏิเสธประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายเหมืองแร่ กฎหมายที่ดิน กฎหมายแรงงาน ร่างกฎหมายที่ถูกมองว่ามุ่งลดทอนอำนาจคณะกรรมการปราบปรามการทุจริต (เคพีเค ) กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติ จี้ผ่านกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ
- ถอดหัวหน้าเคพีเค ที่สภาเลือกมาเอง
- ห้ามคนจากกองทัพและตำรวจ นั่งตำแหน่งพลเรือน
- ยุติใช้กองทัพคุมปาปัวและภูมิภาคอื่นๆ ปล่อยตัวนักโทษการเมืองปาปัวทันที
- ยุตการดำเนินคดีนักเคลื่อนไหว
- ยุติการเผาป่าในกาลิมันตันและสุมาตรา ลงโทษบริษัทต้นเหตุไฟป่าและเพิกถอนใบอนุญาต
- สะสางปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน และดำเนินคดีผู้กระทำผิดตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ละเว้นผู้มีตำแหน่งสูงในรัฐบาล
Incredible.
— Joshua Potash (@JoshuaPotash) September 26, 2019
Indonesia, today.
This protest movement against immense government corruption is showing no signs of stopping. pic.twitter.com/2x1OhAS6Y9
ร่างกฎหมายอาญา
Jakarta Post
มีหลายมาตราที่จุดประเด็นถกเถียงในสังคม ไม่ใช่แค่การเอาผิดกับเพศสัมพันธ์นอกสมรสเท่านั้น แต่หากผ่านออกมาบังคับใช้ กฎหมายใหม่เสี่ยงทำให้เสรีภาพในการแสดงความเห็น สิทธิชาวหลากหลายทางเพศ หรือกระทั่งคนเร่ร่อน เป็นอาชญากรรม ทั้งยังมีมาตราที่กำหนดให้การโจมตีเกียรติภูมิของประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดี การพิมพ์เผยแพร่หรือการออกอากาศที่มีเนื้อหาดูหมิ่นรัฐบาลชอบธรรม เป็นความผิด
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎร ผ่านร่างกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ ที่ค้างพิจารณามาตั้งแต่ปี 2559 แต่ส.ส.จำนวนมากไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า เสรีนิยม เกินไป อาจจะกลายเป็นการรับรองเพศสัมพันธ์นอกสมรส
ครอบงำหน่วยงานปราบโกง
Jakarta Post
ศูนย์รวมความเดือดดาลมากที่สุดก็คือ การผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (เคพีเค) ที่นักเคลื่อนไหวและผู้เชี่ยวชาญ ออกมาวิจารณ์ความไม่เหมาะสมตั้งแต่แรกและขอให้ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด หรือ โจโกวี แทรกแซงเพื่อรักษาความเป็นอิสระของหน่วยงานปราบโกง ไม่ให้กฎหมายใหม่มาลิดรอน ผ่านการตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล และการแปรสภาพเคพีเค เป็นหน่วยงานในสังกัดรัฐบาล
เมื่อ 12 ก.ย. สภาผู้แทนฯ ได้เลือกผู้นำเคพีเค 5 คน โดยคัดจาก 10 คนที่มาจากคณะกรรมการสรรหา และมีกำหนดเริ่มทำงานในเดือนธันวาคม แต่นักเคลื่อนไหวมองว่ากระบวนการสรรหาไม่เป็นกลาง และบางคนน่าเคลือบแคลง ตั้งแต่ตัวประธานคนใหม่ ซึ่งเป็นตำรวจ
ไม่ต้องการให้กองทัพและตำรวจนั่งตำแหน่งพลเรือน
จาการ์ตาโพสต์ ระบุว่า บุคคลากรล้นกองทัพ นำไปสู่ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไฟเขียวให้ทหารนั่งตำแหน่งพลเรือน จุดความวิตกว่า อินโดนีเซียจะกลับไปใช้กองทัพสองบทบาท แบบที่เคยเป็นกลไกค้ำจุนอำนาจของซูฮาร์โต ในยุคระเบียบใหม่ ทั้งที่กฎหมายกองทัพปี 2547 ไม่มีมาตราใดอนุญาตให้ทหารไปนั่งตำแหน่งพลเรือนได้
ยุติใช้กองทัพคุมปาปัว
Jakarta Post
กองทัพคงกองกำลังแน่นหนาในสองจังหวัดของชาวปาปัว สกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ขณะผลสอบสวนเมื่อไม่นานมานี้พบการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายกรณีของกองทัพ
เหตุกระทบกระทั่งที่มีสาเหตจากการเหยียดชาติพันธุ์ในเมืองสุราบายา เมื่อเดือนที่แล้ว นำไปสู่เหตุไม่สงบยืดเยื้อหลายสัปดาห์ และทำให้ข้อครหาเกี่ยวกับการกดขี่ในจังหวัดปาปัว กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ปาปัวตะวันตก....แผ่นดินนี้ของใคร )
ไฟป่า
จังหวัดบนเกาะสุมาตราและกาลิมันตัน ต้องต่อสู้กับไฟป่ามานานหลายเดือน ส่งหมอกควันพิษและคุณภาพอากาศย่ำแย่ นักศึกษาต้องการให้ดำเนินคดีกับ 6 บริษัทและผู้ต้องสงสัยอีก 249 คน ที่ตำรวจระบุว่าเกี่ยวข้องกับการจุดไฟ
Jakarta Post
การละเมิดสิทธิ
เรื่องนี้ดูเหมือนประธานาธิบดีโจโกวีตกเป็นจำเลยคนสำคัญ ในช่วงหาเสียงชนะเลือกตั้งสมัยแรก โจโกวีสัญญาจะสะสางการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอดีต แต่นักเคลื่อนไหวโจมตีว่า ดีแต่พูด หรือไม่ก็เลือกปิดปากเงียบกับการละเมิดสิทธิทั้งในอดีต หรือในรัฐบาลปัจจุบัน
หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมประท้วงกับนักศึกษาในกรุงจาการ์ตาเมื่อ 24 ก.ย. ก็คือมาเรีย คาตารินา ซูมาร์ซีห์ แม่ของนักศึกษามหาวิทยาลัยอัตมา จายา ที่ถูกยิงตายขณะประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2541 ที่ต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ “โศนาฏกรรมเซมังกี 1998” นางซูมาร์ซี ทวงความยุติธรรมให้กับลูกชายของเธอมานับแต่นั้น แต่ถึงปัจจุบัน ฆาตกรยังลอยนวล
Jakarta Post
ข่าวที่เกี่ยวข้อง