ข่าว

"ผู้โดยสารห่วงของ"เรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสายการบิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อาจเป็นปฏิกริยาธรรมชาติของคนเราที่จะต้องเสียดายของข้าวของตัดใจไม่ได้แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่การทำเช่นนั้นอาจหมายถึงชีวิตตนเองและผู้อื่น


 

จากเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารสายการบินแอร์โรฟลอต ประสบเหตุไฟไหม้ขณะลงจอดกระแทกรันเวย์ ที่สนามบินเชเรเมเตียโว ในกรุงมอสโก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 41 คน อีก 37 คนรอดชีวิตโดยสไลด์ตัวลงบนทางออกฉุกเฉินทางประตูด้านหน้า แต่ภาพจากคลิปบนสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าผู้โดยสารบางคน หิ้วกระเป๋าสัมภาระลงมาด้วย  ซึ่งไม่ใช่หลักปฏิบัติที่ถูกต้องในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ 

 

ขณะผู้เชี่ยวชาญการบินบางคนเตือนว่า ยอดเหยื่ออาจน้อยกว่านี้ก็เป็นไปได้ หากผู้โดยสารสละเครื่องบินโดยทิ้งกระเป๋าไว้ และนี่เป็นความลำบากใจอย่างที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่ลูกเรือและสายการบินต่างๆเผชิญอยู่  

สองปีก่อน คลิปขณะอพยพฉุกเฉินจากเครื่องบินสายการบินเอมิเรตส์ ที่ลงกระแทกรันเวย์แล้วไฟไหม้ ก็มีภาพแสดงให้เห็นผู้โดยสารหลายสิบคนยังคงพยายามหยิบกระเป๋าจากช่องสัมภาระเหนือศีรษะ ทั้งที่ในห้องโดยสารเต็มไปด้วยกลุ่มควัน พนักงานต้อนรับต้องตะโกนว่า “ทิ้งกระเป๋า กระโดด กระโดด สไลด์เดี๋ยวนี้” 

 

 "ผู้โดยสารห่วงของ"เรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสายการบิน

 

ก่อนหน้านั้นในปี 2556  เครื่องบินโบอิง 777 สายการบิน เอเชียนา ลงจอดผิดพลาดที่สนามบินซานฟรานซิสโก เกิดเพลิงไหม้ด้านนอกส่งควันตลบอบอวลในห้องโดยสาร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ผู้โดยสารหลายคนพยายามเปิดล็อคเกอร์เพื่อหยิบกระเป๋า และในปี 2558 เครื่องบินโบอิง 777 ของ บริทิช แอร์เวย์ส เกิดไฟไหม้ขณะออกจากลาสเวกัส บาดเจ็บ 20 คน ลูกเรือต้องช็อกกับการห่วงสัมภาระของผู้โดยสารอีกครั้ง 

ผลศึกษาโดยคณะกรรมการความปลอดภัยแห่งชาติสหรัฐ ที่ได้จากการสัมภาษณ์พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 36 คนหลังการอพยพ พบว่าผู้โดยสารหิ้วกระเป๋าคืออุปสรรคใหญ่สุด ขณะที่ผู้โดยสาร 419 คนที่เคยอพยพหนีอุบัติเหตุ พบว่า 208 คนพยายามที่จะนำข้าวของลงมาด้วย 

หลังอุบัติเหตุเครื่องบินในดูไบ เมื่อปี 2559 ซู ไรซ์ ที่ปรึกษาการบิน กล่าวว่ ผู้โดยสารพยายามหยิบฉวยกระเป๋าของตนเองในสถานการณ์ความเป็นความตาย คือภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากที่สุดเรื่องหนึ่งของลูกเรือและสายการบินมานาน และเชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ 

เหตุใดจึงอันตราย

ระเบียบการบินสหพันธุ์ของสหรัฐ หรือการบินร่วมของยุโรป ระบุว่า การอพยพจากเครื่องบินจุผู้โดยสารมากกว่า 44 คนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรใช้เวลาราว 90 วินาทีเท่านั้น หากนานกว่านี้ ผลศึกษาพบว่ามีแนวโน้มที่ห้องผู้โดยสารจะถูกไฟไหม้ 

 

 

และเงื่อนไขหนึ่งในการที่ผู้ผลิตเครื่องบิน จะได้ใบอนุญาตจากหน่วยงานผู้คุมกฎ คือต้องสาธิตให้เห็นถึงศักยภาพการอพยพ ทั้งในความมืดมิด ทางออกถูกปิดกั้นครึ่งหนึ่งในกรอบเวลาจำกัด ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องยาก แต่จากคลิปก็แสดงให้เห็นว่าเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 สามารถอพยพผู้โดยสารกว่า 800 คน ใน 90 วินาทีได้จริง โดยใช้ทางออกแค่ครึ่งเดียว ในสถานการณ์จำลองว่าอุปกรณ์อพยพล้มเหลวหรือทางออกใช้การไม่ได้เพราะไฟไหม้ หรือโครงสร้างเสียหาย 

ข้อมูลจากเวบไซต์ SKYbrary ระบุว่าลูกเรือจะผ่านการฝึกกระตุ้นเร่งเร้าผู้โดยสารให้สละกระเป๋า ด้วยการตะโกนสั่งอย่างเหมาะสมหรือหากจำเป็น ก็อาจต้องใช้กำลังบ้างเพื่อเร่งอพยพให้เร็วขึ้น 

จอฟฟรีย์ โทมัส นักเขียนเรื่องการบิน ระบุว่า กรณีเครื่องบินรัสเซียไฟไหม้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ยังเร็วเกินไปที่จะรู้ได้ว่าการหอบหิ้วสัมภาระขณะอพยพส่งผลอะไรหรือไม่ แต่เขาเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ยอดเหยื่ออาจน้อยกว่านี้ หากการอพยพทำได้เร็วขึ้น 

ถ้าดูจากคลิป จะเห็นคนหิ้วกระเป๋า และมีผู้โดยสารส่วนหนึ่งบนเครื่องถ่ายยังคลิปวิดีโอ  “มันคือโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริงที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  ผู้โดยสารไม่เชื่อฟังคำแนะนำของลูกเรือที่ให้ออกจากเครื่องบินโดยเร็วที่สุด เป็นปัญหาที่อุตสาหกรรมการบินขบคิดมาระยะหนึ่งแล้ว"

 

ที่มา https://www.news.com.au/travel/travel-updates/incidents/one-of-the-greatest-dilemmas-facing-airlines-russian-aeroflot-crash-pictures-expose-deadly-trend/news-story/16a11591b011916f580609b37343f1d8

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ