ข่าว

อู้หู! “บิล เกตส์”รวยสุดของโลก 4 ปีติดต่อกัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟอร์บส์ เผย "บิล เกตส์” รั้งอันดับ 1 บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ส่วนไทยมีเศรษฐีติดอันดับรวยสุดในโลกปีนี้ 20 คน เพิ่มขึ้น 4 คน

 


               

               ฟอร์บส์ นิตยสารด้านธุรกิจ-การเงินชื่อดังของสหรัฐ เผยรายงานการสำรวจผู้ที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2560 ปรากฏว่า อันดับ 1 เป็นของนายบิล เกตส์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ที่มีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 86,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.01 ล้านล้านบาท) ครองตำแหน่งนี้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

               อันดับ 2 เป็นของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานบริษัทด้านการลงทุนเบิร์กไชร์ แฮธะเวย์ ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 75,600 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอะเมซอน อันดับ 5 มี 2 คนคือนายมาร์ค ซัคเคอเบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค และนายอามานซิโอ ออร์เตกา จากสเปน เจ้าของธุรกิจเครื่องแต่งกายซารา อันดับ 6 นายคาร์ลอส ซาลิม เจ้าของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมจากเม็กซิโก อันดับ7 นายแลร์รี เอลลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้งออราเคิล อันดับ 8 และ 9 เป็นของพี่น้องตระกูลคอชคือ นายชาร์ลส์และนายเดวิด อันดับที่ 10 เป็นของนายไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กและผู้ก่อตั้งสำนักข่าวบลูมเบิร์ก

               อย่างไรก็ตาม ฟอร์บส์ ระบุว่า ในการจัดอันดับครั้งนี้ ในส่วนของมหาเศรษฐีไทยที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา จากคิง เพาเวอร์ เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี ที่ทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 4,200 ล้านดอลลาร์ รวยขึ้นถึง 1,400 ล้านดอลลาร์ ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 67 ปี ติดอันดับ 10 เหมือนเดิม ด้วยทรัพย์สิน 1,700 ล้านดอลลาร์ รวยขึ้น 100 ล้านดอลลาร์

               นิตยสารฟอร์บส์ รายงานว่า จำนวนมหาเศรษฐีพันล้านของโลกเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 2,043 คนในปีนี้ ถือว่าเพิ่มมากที่สุดในรอบ 31 ปีของการสำรวจประจำปีของฟอร์บส์ ตั้งแต่เริ่มทำมา และการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีโลกประจำปีนี้ จะต้องมีทรัพย์สินอย่างน้อย 3,700 ล้านดอลลาร์

               สหรัฐ เป็นประเทศที่มีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุด 565 คน ผลพวงจากมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ตามมาด้วยประเทศ 319 คน และเยอรมนี 114 คน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ