แค่หาเงินได้น้อยลง‘โจว เหวินฟะ’ตอบหากถูกจีนแบน

 

            

          หลังมีกระแสข่าวว่า จีนขึ้นบัญชีดำเหล่าคนดังฮ่องกงและไต้หวัน ที่แสดงท่าทีสนับสนุนการประท้วงเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฮ่องกงอย่างเสรีในอีกสามปีข้าง นักข่าวได้นำเรื่องนี้ไปถาม โจว เหวิน ฟะ ดาราแถวหน้าฮ่องกงที่เคยพูดชื่นชมในความกล้าหาญของผู้ประท้วง ก็ได้รับคำตอบง่ายๆว่า ผมก็จะแค่หาตังค์ได้น้อยลง 

            

          สัปดาห์ที่แล้ว สื่อทางการจีนประณามคนบันเทิงเหล่านี้ว่า ไม่รักประเทศตัวเอง ส่วนสื่อออนไลน์ก็มีการเผยแพร่บัญชีดำรายชื่อดารานักร้องที่ถูกระบุว่าเป็นรายชื่อที่ส่งให้กับสื่อทางการและบริษัทบันเทิง พร้อมแนะนำว่าไม่ควรส่งเสริมกับคนดังเหล่านี้ 

           

          เมื่อต้นเดือนตุลาคม โจ เหวิน ฟะ นักแสดงรุ่นใหญ่ขวัญใจมหาชน ที่ได้รับคำชื่นชมเรื่องความสมถะและถ่อมตัว ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์แอปเปิล เดลีย์ ว่า"ผมได้พบชาวบ้าน นักศึกษา พวกเขากล้าหาญมาก น่าประทับใจที่ได้เห็นว่าพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อสิ่งที่ต้องการ นักศึกษาเหล่านั้นมีเหตุผล และหากรัฐบาลมีทางออกที่นักศึกษาและคนอื่นๆพอใจ ผมเชื่อว่าวิกฤติครั้งนี้จะยุติลงได้" 

          

          นอกจากนี้ ยังได้กล่าววิจารณ์ตำรวจที่ใช้แก๊สน้ำตาตั้งแต่วันแรกของการปักหลักประท้วงด้วยว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงหรือแก๊สน้ำตากับการประท้วงอย่างสงบ และไม่อยากเห็นใครต้องบาดเจ็บ            

           

          นอกจากโจว เหวินฟะแล้ว คนดังฮ่องกงที่เคยแสดงออกถึงการสนับสนุนการประท้วง ยังรวมถึง เหอวั่นซือ หรือเดนิส โห นักร้องหญิงชื่อดังฮ่องกงที่เคยไปร้องเพลงในที่ชุมนุม  โทนี เหลียง หรือเหลียง เฉา เหว่ย นักแสดงชื่อดัง และนักร้องนักแสดง แอนดี้ เหล่า หรือ หลิว เต๋อหัว ซึ่งบางคนก็ได้รับผลกระทบแล้ว  อย่างเดนีส โห ที่เผยว่า รายได้ของเธอร้อยละ 80 มาจากการเปิดแสดงในจีน แต่ไม่มีงานนับจากเริ่มออกตัวสนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ขณะที่เสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่งในฮ่องกงก็ยกเลิกงานของเธอโดยไม่ได้ระบุเหตุผลชัดเจน 

           

          แอนโทนี หว่อง นักร้องฮ่องกงที่ร่วมประท้วงด้วย เผยว่า คอนเสิร์ตสองรายการในเดือนพฤศจิกายนที่จีน ถูกผู้จัดเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ซึ่งคงเป็นเพราะว่าจีนกลัวความเห็นต่าง และพยายามจะลงโทษพวกเรา หว่องยอมรับว่าการแบนจากจีน มีผลกระทบมากเพราะรายได้กว่าครึ่งมาจากจีน แต่ตนคิดว่านี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เงินไม่สำคัญมากไปกว่าความต้องการแสดงออกในสิ่งที่คิด 

         

          แต่สำหรับโจ เหวิน ฟะ ดูเหมือนไม่หวั่นไหวกับเรื่องนี้เพราะได้เคยประกาศมาก่อนแล้วว่า จะยกสมบัติให้องค์กรการกุศลหลังเสียชีวิต