บันเทิง

เดือด.. ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประกาศลาออกจากประธานกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เดือด.. ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ แจงเหตุ6ข้อ ประกาศลาออกจากประธานกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์2563 หลังโพส์ห้อง"รวมพลคนอักษร" จากนั้นมีทัวร์ลงด้วยถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย กร่าง จนน่าตกใจ กลายเป็นข้ออ้างกรรมการบางคนที่เห็นต่าง

        เกิดมีเหตุวิวาทะในห้องรวมพลคนอักษร อันเป็นห้องใน Facebook ของนิสิตเก่า คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อรองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงวินิตา (วินิจฉัยกุล)ดิถียนต์ หรือแก้วเก้าหรือ ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ได้เขียนกลอน ว่าสู้เหนื่อยยากพากเพียรเรียนศึกษา เป็นบัณฑิตจุฬาฯสง่าศรี กว่าได้ครุยพระราชทานก็นานปี ถูกย่ำยีเหลือจะกล่าวร้าวรานใจ

    เดือด.. ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประกาศลาออกจากประธานกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์

        เพื่อวิพากษ์การแต่งชุดครุยบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ การสวมรองเท้าผ้าใบ การใส่หน้ากากผี หน้ากากขาว ในขณะที่ผู้หญิงบางคนสวมกางเกงขายาวแต่สวมครุยทับอย่างไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติชุดครุยของสถาบันที่ตัวเองสำเร็จการศึกษามา (หรือไม่? หรืออาจจะแค่แอบอ้างเป็นบัณฑิตจุฬา?)

 

        หลังจากนั้นก็มีทัวร์ลง ด้วยถ้อยคำรุนแรง หยาบคาย กร่าง อยู่มากพอสมควร จนน่าตกใจ

 

        ล่าสุด รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงวินิตา (วินิจฉัยกุล)ดิถียนต์ หรือแก้วเก้าหรือ ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "vinita.diteeyont" ใจความว่า 

 

        ดิฉันเคยได้รับเชิญเป็นทั้งกรรมการและประธานกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์มาหลายปีแล้ว ล่าสุดในพ.ศ. 2563 นี้ก็ได้รับเชิญอีก เข้าประชุมครั้งแรกก็มีเหตุให้ลาออกเสียแล้ว

 

        การที่ลาออก ไม่ใช่เพราะมีเหตุจำเป็น ไม่ใช่เพราะป่วย หรือทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งจนต้องลาออก แต่เป็นเพราะเมื่อที่ประชุมรับรองประธานกรรมการอย่างเป็นทางการ กรรมการท่านหนึ่งคัดค้านขึ้นมาว่า ดิฉันมี “เรื่อง”กับคนบางกลุ่มในเฟซบุ๊ค อาจจะทำให้มีปัญหาตามมาในการเป็นประธานกรรมการตัดสินหนังสือซีไรต์        

           เพราะข้อนี้ เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในสมาคมภาษาและหนังสือ แม้ไม่ได้ทำเป็นมติของที่ประชุมสมาคม หรือมีเอกสารแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมายังคณะกรรมการซีไรต์ก็ตาม

 

        ประเด็นที่กรรมการท่านนั้นหยิบยกขึ้นมา หมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้อง “รวมพลคนอักษร” ซึ่งเป็นห้องปิด รับเฉพาะสมาชิกที่เคยเรียนหรือกำลังเรียนอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เท่านั้น

 

        กรรมการท่านนั้นยังกล่าวต่อไปอีกว่า ได้ข่าวว่ามีคดีฟ้องร้องตามมา เพราะแฟนคลับของดิฉันไปตอบโต้บุคคลเหล่านั้น แต่กรรมการท่านดังกล่าวก็ยอมรับว่า ไม่ได้อ่านโพสที่เป็นสาเหตุของเรื่อง

 

        เรื่องนี้ ดิฉันได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า

        1.ดิฉันได้เขียนกลอน 1 บท ส่งไปลงที่ห้องรวมพลคนอักษร แสดงความคิดเห็นว่าเสียใจที่เห็นภาพถ่ายบุคคลที่นำเสื้อครุยพระราชทานของจุฬาฯไปสวมใส่ในโอกาสที่ไม่เหมาะสม

สู้เหนื่อยยากร่ำเรียนเพียรศึกษา

เป็นบัณฑิตจุฬาสง่าศรี

กว่าได้ครุยพระราชทานก็นานปี

ถูกย่ำยี เหลือจะกล่าวร้าวรานใจ

 

        เมื่อมีผู้เห็นแย้ง ดิฉันก็ไม่ได้ว่ากล่าวหรือใช้วาจาก้าวร้าวใดๆกับบุคคลเหล่านั้น จนกระทั่งแอดมินได้ลบโพสนั้นไป หลักฐานทั้งหมดดิฉันได้เก็บไว้แล้ว พร้อมจะให้อ่าน

 

        2.ไม่มีการฟ้องร้องหรือดำเนินคดี หรือแม้แต่แจ้งความใดๆ ไม่ว่าจากฝ่ายไหน จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาพบ หรือมากล่าวหาดิฉันแต่อย่างใด ดิฉันยังไม่เคยเห็นตัวจริงของบุคคลใดๆที่เห็นแย้งเลยจนคนเดียว

 

        3.ถ้ามีการเกรงข้อครหาว่า ดิฉันจะใช้ตำแหน่งประธานกรรมการรางวัลซีไรต์ ก่ออคติแก่ชาวอักษรศาสตร์เหล่านั้น ก็ขอให้ดูข้อเท็จจริงว่า ในบรรดาหนังสือที่ผ่านรอบคัดเลือกมาถึงรอบตัดสิน (ตามที่ประกาศต่อสาธารณชนแล้ว ไม่ใช่ความลับ) ไม่มีนักเขียนคนไหนเลยเคยเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ และดิฉันไม่เคยรู้จักนักเขียนเหล่านี้เป็นส่วนตัวเลยจนคนเดียว     

         4.สำหรับกลอนบทนี้ ดิฉันไม่เห็นเป็นเรื่องการเมือง แต่ถือเป็นการวิจารณ์เรื่องกาลเทศะ

        ต่อให้เป็นเรื่องการเมืองอย่างที่กล่าวหา ก็ขอให้ดูข้อเท็จจริงว่าการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต เป็นสิทธิส่วนบุคคลในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ความผิดติดตัวผู้วิจารณ์

 

        5.การตัดสินรางวัลซีไรต์ มีพื้นฐานอยู่บนการวิพากษ์วิจารณ์และประเมินคุณค่าผลงานที่เข้ารอบโดยคณะกรรมการ ไม่เกี่ยวกับประเด็นอื่นเช่นตัวบุคคล ไม่ว่าบุคคลที่เป็นกรรมการหรือบุคคลที่ส่งงานเข้าประกวด

 

        6.ห้องรวมพลคนอักษร ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับการตัดสินประกวดวรรณกรรมซีไรต์ นอกจากนั้นดิฉันยังมองไม่เห็นความเกี่ยวข้องกับสมาคมภาษาและหนังสืออีกด้วย

 

        อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการหยิบยกขึ้นมากล่าวในที่ประชุม ให้ดิฉันเข้าใจว่าในการออกความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในสถานที่อื่น มีความไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานกรรมการซีไรต์ ทำให้ดิฉันลำบากใจที่จะทำงานในหน้าที่นี้

 

        เนื่องจากการตัดสินรางวัลซีไรต์ ควรเปิดกว้างและสร้างวัฒนธรรมแห่งการวิจารณ์ที่ดีในสังคม อันจะก่อให้เกิดความงอกงามทางความคิด และหลักการที่พึงปฏิบัติในเชิงวิจารณ์วรรณกรรม

 

        เมื่อไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ดิฉันจึงแจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการซีไรต์

        จึงขอชี้แจงเพื่อเป็นหลักฐานข้อเท็จจริงตามนี้ ขอขอบคุณค่ะ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ