บันเทิง

"เปิ้ล-จูน" ไม่สนดราม่าเชื่อเซฟลูกดีแล้ว 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เปิ้ล" นาคร ศิลาชัย ควง "จูน" กษมา ศิลาชัย แจงเข้าใจเรื่องดราม่า "ออกู๊ด" ขี่เจ็ตสกี ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง เชื่อเซฟดีแล้ว มองส่งลูกเรียนปีละล้านเป็นการลงทุน

         บันเทิง คมชัดลึก - โพสต์คลิปปุ๊ปดราม่าทันที หลัง “เปิ้ล” นาคร ศิลาชัย โพสต์คลิป น้องออกู๊ด ลูกชายวัย 3 ขวบขับเจ็ตสกีโดยไม่มีเครื่องป้องกัน งานนี้เหล่าโซเชียลดราม่าหนัก ว่าทำไมหนุ่มเปิ้ลถึงปล่อยให้ลูกน้อยขับเจ็ตสกีคนเดียว ได้สอบถามเปิ้ล นาคร ที่พาภรรยา "จูน" กษมา ศิลาชัย และลูกๆ มาดูโชว์ไดโนเสาร์ "วอล์คกิ้ง วิธ ไดโนซอร์ส ดิ อารีน่า สเป็คแท็คคูลา" ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ถึงเรื่องดราม่าดังกล่าวได้ความว่า 

 

 

           "ออก้าเริ่มตอน 4 ขวบ แต่ออกู๊ดเริ่ม 3 ขวบ ส่วนที่ให้ออกู๊ดคาบขวนนมขี่นี่เป็นดีไซน์ของพ่อเอง คือ 3 ขวบนี่น่าจะเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดในโลกแล้วที่ขี่เจ็ทสกีได้ เราก็คิดว่าถ้าคาบขวดไปด้วยมันคงจะเท่เนอะ แต่ยังไงกู๊ดก็ไม่คาบ ไม่เอาเลย เราก็เลยวางแผนบอกว่า ถ้าเขาอยากแข่งเจ็ทสกีปะป๊าต้องถ่ายรูปส่งไปให้กรรมการดู โดยการคาบขวดนมแล้วขี่ดูก่อน ถ้าคาบขี่แล้วไม่่หลุดกรรมการก็จะอนุญาตให้ขี่ได้ตลอดชีวิต หลังจากนั้นคาบไม่ปล่อยเลย (ยิ้ม)​ เพราะกลัวไม่ได้ขี่  

 

"เปิ้ล-จูน" ไม่สนดราม่าเชื่อเซฟลูกดีแล้ว 

 

           (จะต้องฝึกให้น้องใส่หมวกกันน็อคด้วย) ตอนนี้ยังใส่ไม่ได้เพราะเขายังไม่ชิน เพราะคนที่ยังไม่เคยเริ่มเลยแล้วไปใส่หมวกกันน็อคครั้งแรก ถ้าตกน้ำปุ๊บน้ำจะเข้าไปในหมวก เหมือนเอาแก้วน้ำมาครอบหัวน่ะ เพราะฉะนั้นต้องให้เขาขี่แล้วตกน้ำให้ชินกับการอยู่ในน้ำก่อนโดยที่ไม่มีพันธนาการใดๆ ไม่งั้นมันจะเหวอ แต่ถ้าขี่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ขี่ครั้งแรกมันต้องใส่อยู่แล้ว เพราะผมเองก็เคยเกิดอุบัติเหตุในน้ำ พอน้ำเข้าไปในหมวกกันน็อคนี่โอ้โห ถ​้าคนไม่เคยจะเหวอมาก หลายคนก็เป็นห่วง ก็ต้องขอบคุณมากๆ เลย แต่บางคนอาจจะคอมเม้นท์มาแล้วยังไม่ได้รับคำตอบก็ให้ไปเปิดดูในช่องเปิ้ลนาคร แชนแนลที่ยูทูปได้ เพราะจะมีคำอธิบายทั้งหมดอยู่ในนั้น เราจะได้คลายความสงสัยและอาจจะได้เอาไปเป็นแนวทางให้กับลูกตัวเองได้ เพราะการฝึกอะไรก็ตามมันต้องมี 1-10 ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าอยากเท่แบบพี่เปิ้ล อันนี้ต้องแนะนำเลยนะ ถ้าใครอยากจะทำแบบนี้ห้ามทำเด็ดขาด บางคนบอกว่าเห็นเปิ้ลนาครยังทำได้เลยจะทำบ้าง ห้ามเลยนะ เพราะมันต้องใช้เทรนเนอร์ ใช้ครูฝึกระดับโลกจริงๆ ถึงจะทำได้ ซึ่งผมก็เป็นครูฝึกอยู่แล้ว คือเราออกไปฝึกให้นักแข่งมาหลายประเทศแล้ว เกาหลี จีน ลาว เราก็ฝึกให้หมด เพราะฉะนั้นลูกตัวเองทำไมจะฝึกไม่ได้

 

"เปิ้ล-จูน" ไม่สนดราม่าเชื่อเซฟลูกดีแล้ว 

 

 

           ถามว่าก่อนที่จะให้ขี่ เรากลัวจะมีดราม่าแบบนี้เกิดขึ้นมั้ย จูนน่ะกลัว เขาเป็นเด็กโซเชียล เขาก็จะรู้ว่าถ้าโพสต์อันนี้ลงไปจะเจออะไร เขาบอกพี่เปิ้ลต้องระวังนะ ต้องยังงี้ๆ เราบอก​ว่าถ้าเราพร้อม ของทุกอย่างมีคำอธิบายก็อย่าไปกลัว เพราะฉะนั้นคำคอมเม้นท์ผมว่ามันเป็นสิ่งที่จะต้องมีนะ ดราม่าควรจะมีในโลกนี้ เพราะไม่มีอะไรที่มันจะสวยสดใสเป็นดอกไม้ตลอดไปหรอก พระพุทธเจ้ายังโดนดราม่าเลย เรื่องแบบนี้มันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นนะ ถ้าไม่มีดราม่าชีวิตมันจะสมบูรณ์เกินไป ตอนนี้ออก้าเตรียมแข่งเยาวชนแห่งชาติอยู่ ตอนนี้เตรียมตัวเป็นนักแข่งกทม.และเตรียมจะแข่งกีฬาเยาวชนที่จะเกิดขึ้นที่จ.ตราดในต้นปีหน้า อายุน้อยสุดสำหรับนักแข่งที่แข่งกีฬาเยาวชนในประเทศไทย แต่ก็ต้องสู้ เพราออก้าอายุ 8 ขวบต้องไปแข่งสู้กับเด็กอายุ 12 ขวบ คือเขาชอบ มันเข้าเลือดเขาไปแล้ว เขาเกิดในวันน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ดังนั้นเขาจะมากับน้ำจริงๆ ชื่อยังนคราเลย สายน้ำที่เชี่ยวกราด”

 

"เปิ้ล-จูน" ไม่สนดราม่าเชื่อเซฟลูกดีแล้ว 

        เมื่อถามถึงความรู้สึกของ "จูน" กษมา ว่าเป็นห่วงไหม คุณแม่ลูก 4 กล่าวว่า

        “ก็เห็นพร้อมพี่ๆ นักข่าวนี่แหละพี่เปิ้ลลงคลิปก่อนที่จะบอกเรา จริงๆ รู้มาสักพักแล้วเพราะเขาขี่ส่วนตัวอยู่แล้ว แต่แค่วันนั้นจูนก็เพิ่งเห็นพี่เปิ้ลลงคลิปพร้อมกับที่ทุกคนเห็นนั่นแหละถามว่าตกใจมั้ย ก็เสียว แต่เราอยู่กับเจ็ทสกีมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว และรู้ว่าพี่เปิ้ลต้องเซฟตี้ให้ลูกอยู่แล้ว ตอนนั้นมันคือภาพซ้อน มันเคยเกิดมาแล้วคือออก้า คือภาพย้อนมาเป็นออกู๊ดเท่านั้นเอง เรารู้แพทเทินแต่เราก็อดห่วงไม่ได้ แต่ก็น่าจะโอเค เราก็ต้องเข้าใจพี่เปิ้ล เราต้องลุ้นให้ลูกเราด้วยแหละเพราะเขาชอบจริงๆ เขาปลอดภัยจริงๆ เราดูอยู่แล้ว เราได้อ่านตอมเม้นต์ที่เพื่อนๆส่งมาให้ดู ทุกๆ คนคือเป็นห่วง ไม่ได้จิกกัด ทุกคนห่วงออกู๊ด หากคิดย้อนกลับไปพี่ๆ เป็นคนตั้งชชื่อให้ออกู๊ด เหมือนเขาเลี้ยงออกู๊ดตั้งแค่อยู่ในท้อง ก็เหมือนลูกตัวเองเขาจะเป็นห่วงมาก ดังนั้นรับฟัง คราวหน้าก็จะขับให้ระวังขึ้น” จูน กล่าว 

 

"เปิ้ล-จูน" ไม่สนดราม่าเชื่อเซฟลูกดีแล้ว 

 

เมื่อถามต่อถึงเรื่องธุรกิจลิปสติกแบบซองที่กำลังฟ้องร้องกันอยู่นั้น คุณพ่อลูก 4 กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า 

         “ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนการพิจารณาตามหลักการขั้นตอนของทางกฎหมายทางนนั้นอยู่ เราก็อยากให้ทุกคนมีสิธิเท่าเทียมกัน ในการค้าแบบเสรี แค่นั้นเอง เพราทุกคนหลายๆ เจ้าก็ภาวนาให้จบลงด้วยดี ทุกคนก็อยากขายเท่าเทียมกัน ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่อง ตอนนี้เราก็ขายปกติ เพราะเราลงทุนไปหลายสิบล้าน ดังนั้นขอความเท่าเทียมกัน ขอให้ได้ขายของเถอะลูกจะได้มีเงินไปโรงเรียน กินข้าว

         (ตอนนี้ค่าเทอม 4 อ.เท่าไหร่) 4 คน รวมๆ กันก็เป็นหลักล้านต่อปี คือเราก็ต้องไหม จะร้อยล้านพันล้านถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเขาก็ต้องกระเสือกกระสนมาให้เขาให้ได้ ถึงเรียนโรงเรียนอินเตอร์ไม่ได้ เรียนโรงเรียนวัด มันก็ทำให้เป็นคนดีเหมือนกัน เราก็ส่ง ไม่มีเงินเลยก็จะพาไปโรงเรียนวัด วิ่งไม่ได่ก็เดิน เดินไม่ได้ก็คลาน คลานไม่ด้ก็กระดึ๊บ ผมมองว่าการศึกษาของลูก มันคือการลงทุน ดีกว่าการซื้อหุ้นอีก แทนที่จะเอาเงินไปซื้อหุ้นก็เอาเงินไปซื้อค่าเทอมนี่แหละ ซื้อครูดีๆ ซื้อครอสดี ๆ ซื้อประสบการณ์ให้ลูก พาลูกไปลุยป่าชายเลน พาลูกไปลุยธรรมชาติ เสียเงินเสียทองเอาหมด ขอให้ลูได้เรียนรู้ได้มากที่สุด

          (อยากปูพื้นฐานเรื่องการเรียนให้เขา) ใช่ เพราะเราอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่กี่พันวัน ผมก็ต้องให้เขาสานต่อชีวิตสานต่อประสบการณ์ให้เดินต่อไปได้ ขนาดไดโดเสาร์ยังสูญพันธ์ นับประสาอะไรกับพ่อและแม่ เพราะฉะนั้นเราตองให้ประสบการ์ณเขาไป ให้กมดเลย เพราะอีกหน่อยเราก็เป็นแบบไดโนเสาร์ สูญพันธ์ “

 

"เปิ้ล-จูน" ไม่สนดราม่าเชื่อเซฟลูกดีแล้ว 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ