บันเทิง

จาก NETFLIX ถึง DISNEY PLUS โมเดลหนัง 5.0 (ตอนแรก)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  ข้าวโพดคั่วกับตั๋วหนัง  โดย...  คอนแทค เลนส์


 


          NETFLIX คือโมเดลธุรกิจเว็บดูภาพยนตร์ผ่านระบบ Streaming


          NETFLIX เปิดตัวด้วยการซื้อลิขสิทธิ์ Series ชื่อดังที่เคยออกอากาศที่อื่นแล้วมาฉายใหม่ แน่นอนว่าย่อมได้ฐานลูกค้าของ Series ระดับโลกเหล่านั้น ตุนเอาไว้ในมือ

 

 

          และก็แน่นอนอีกว่า Series ที่ดังอยู่แล้ว บวกกับปริมาณฐานแฟนคลับก็ทำให้ NETFLIX ทะยานขึ้นสู่ความนิยมอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การลงทุนสร้าง Series ของตัวเองแทนการซื้อในเวลาต่อมา


          ควบคู่กันกับการฉาย Series อย่างต่อเนื่อง NETFLIX เริ่มนำหนังใหญ่มาทยอยฉาย และใช้รูปแบบเดิม คือเอาหนังเก่ามาเล่าใหม่ แม้คนดูจะไม่มากเท่า Series ทว่า ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้เดินต่อไปได้ และเมื่อมั่นใจมาถึงจุดหนึ่งแล้ว NETFLIX จึงประกาศเดินหน้าสร้างหนังของตัวเองทันที


          แน่นอนว่า ในระยะแรก NETFLIX ไม่มีบุคลากรในการสร้างหนังในมือเลย จึงแก้เกมด้วยการว่าจ้างผู้กำกับหนังใหญ่ให้มาทำ Series ก่อน อย่างน้อยก็เป็นการดึงแฟนพันธุ์แท้ผู้กำกับให้มาเป็นสมาชิก NETFLIX นอกจากจะได้สมาชิกเป็นจำนวนมากแล้ว ผลงานที่ออกมายังสดใหม่ แปลก และแหวกแนวไปจาก Series เดิมๆ ที่ใช้ผู้กำกับสาย Series หน้าเก่าๆ


          อย่างไรก็ดี เมื่อ NETFLIX ก้าวข้ามเส้นมาเป็นคู่แข่งของอุตสาหกรรมภาพยนตร์กระแสหลัก จึงถูกรับน้องด้วยการเจอกับ “เพดานแก้ว” ที่มาในรูปของการปฏิเสธไม่ให้หนังของ NETFLIX เข้าประกวดรางวัลใดๆ เลย โดยยกกฎข้อหนึ่งขึ้นมาอ้าง

 

          กล่าวคือ ภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงรางวัลใหญ่ๆ ของโลกได้นั้น จะต้องเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา


 


          แต่ NETFLIX ก็แก้เกมด้วยการส่งหนังเข้าไปประกวดในประเทศอื่นๆ ที่มีรางวัลภาพยนตร์เป็นที่เชื่อถือของคนดูหนัง ซึ่งทำให้ NETFLIX เคยมีข้อพิพาทกับเทศกาลหนังเมืองคานส์มาแล้ว ทว่า NETFLIX ก็ไม่ท้อถอย ประกาศเดินหน้าสร้างภาพยนตร์ของตนเองต่อไป และมีผลงานออกมาเรื่อยๆ พร้อมกับเดินสายประกวดรางวัลหนังหลักๆ ของโลกไปด้วย


          และดูเหมือนว่ากระแสจะเริ่มตีกลับ เมื่อสมาชิกของ NETFLIX ที่มีอยู่มากมายทั่วโลกเริ่มออกอาการเบื่อหน่ายบรรดาค่ายหนังยักษ์ใหญ่และเครือข่ายโรงภาพยนตร์ ซึ่งนักธุรกิจระดับอ๋องในวงการหนังระดับสากลย่อมจมูกไวกว่าคนธรรมดา จึงได้กลิ่นความขัดแย้งนี้ ทำให้ยอมอ่อนข้อด้วยการเปิดโรงหนังให้ NETFLIX เริ่มนำภาพยนตร์เข้ามาฉายในหลายประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกาเอง


          ส่วนในบ้านเรา แม้สมาชิก NETFLIX จะยังมีปริมาณไม่มาก ทว่า ก็ต้องถือว่ามี และมีอยู่จริง ทำให้เหล่าเถ้าแก่โรงหนังที่กำลังกลุ้มใจกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ออกจากบ้านมาตีตั๋วภาพยนตร์น้อยลงทุกที เริ่มเปิดไฟเขียวให้ NETFLIX นำหนังเข้ามาฉายในโรงได้


          ในตอนหน้าเราจะไปดูคู่แข่งตัวฉกาจของ NETFLIX คือ DISNEY PLUS ที่กำลังจะเปิดตัวกันครับ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ