บันเทิง

ไม่รอแล้วนะ"รักต้องให้"จากโอตะพลังม้า

02 ก.พ. 2562

ฝุ่นควันของประเทศไทย ดูแววแล้วนอกจากมลพิษทั้งจากรถรา โรงงาน และการเผาไหม้ต่างๆ หรือฝุ่นควันของนักการเมืองที่วิ่งหาเสียงกันดินฟุ้งคลุ้งอากาศ

 

 

          น่าจะเป็นฝุ่นของการมะรุมมะตุ้มรุมรักไอดอลของบรรดาโอตะขาทุ่มทั้งหลาย ในการโหวตเลือกเซ็มบัตสึในการเลือกตั้งครั้งแรกของ BNK48 ชนิดสวนกระแสเศรษฐกิจย้วยๆ ของบ้านเมืองเราเวลานี้สุดๆ

 

 

        ก็ในเมื่อปวารณาตัวยอมตกเป็น “โอตะ” แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเธอจะสอดรับกับจังหวะการเต้นและลมหายใจเข้าออก

 

 

 

ไม่รอแล้วนะ\"รักต้องให้\"จากโอตะพลังม้า

 


          เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
          การโหวตเลือกตั้งครั้งนี้ หรือ “BNK48 General Election” รอบตัดสินเมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากที่เคยมี “ผลด่วน” ออกมาก่อนหน้านั้นในการเปิดโหวตครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ซึ่งผลด่วนดังกล่าวเป็นผลจากการลงคะแนนโหวตภายใน 24 ชม.แรก


          แน่นอนอันดับ 1 ในผลด่วนเป็น “เฌอปราง อารีย์กุล” ตามคาด จนมาผลรอบสุดท้ายที่เพิ่งจบไป เก้าอี้เบอร์ 1 ก็ยังเป็นของเธอ ส่วนลำดับอื่นๆ ส่วนใหญ่ขยับกันไปบ้างเล็กน้อย


          ที่สุดในการประกาสผลซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา นอกจากโอตะทั้งหลายที่เข้าร่วมจะได้ร่วมสนุกสนานไปกับ “BNK48 Space Mission Concert” ในธีมกาแลกซีอันอลังการแล้ว

 

 

ไม่รอแล้วนะ\"รักต้องให้\"จากโอตะพลังม้า

 


          กับการประกาศผลโหลตก็นับว่าทั้งลุ้นและซาบซึ้งตื้นตันหลังรู้ผล จนฮอลล์ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แทบท่วมไปด้วยน้ำตาของเมมเบอร์ทั้ง 51 ชีวิต และโอตะอีกนับหมื่นแสนชีวิต!


          ถามว่าการโหวตดังกล่าวมีความหมายยังไง สำหรับคนทั่วไปอาจคิดว่ามันคือการหารายได้ตามธรรมชาติของธุรกิจ


          แต่สำหรับเมมเบอร์นี่เหมือนเป็นอีกหน้าหนึ่งแห่งความสำเร็จของชีวิตไอดอล ที่มีคะแนนความรักและการสนับสนุนจากโอตะ โชว์ออกมาให้เห็นเป็นตัวเลขอย่างเป็นรูปธรรม แน่นอนมันยังหมายถึง “คุณภาพ” ของการเป็นไอดอลที่พวกเธอเป็นอยู่ด้วย



 
          ทั้งนี้ในแง่ของการทำงานหลังจากนี้ในปี 2562 การได้รับเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งผลออกมาว่าจากสมาชิกวง BNK48 ทั้งหมด 51 คน มีผู้ผ่านการคัดเลือก 32 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.เซ็มบัตสึ 16 คน 2.อันเดอร์ เกิร์ล 16 คน

 

 

 

ไม่รอแล้วนะ\"รักต้องให้\"จากโอตะพลังม้า

 


          แปลว่าผู้ที่ได้รับเลือกลำดับที่ 1-16 จะเป็นเซ็มบัตสึของ “เพลงหลัก” ในซิงเกิลชุดที่ 6 โดยผู้ที่ได้ลำดับที่ 1 หรือ เฌอปราง ที่ได้มาถึง 84,195 คะแนน จะได้ดำรงตำแหน่ง “เซ็นเตอร์” ส่วนลำดับถัดๆ มาก็จะได้เป็น “เซ็มบัตสึ” หรือการเป็นเมมเบอร์ที่จะได้ร่วมร้องเพลงหลักเพื่อใช้ในการโปรโมทกับสื่อมวลชน และยังเป็นคนกลุ่มแรกที่จะได้พบปะแฟนคลับ


          ส่วนกลุ่ม 17-32 ซึ่งเป็น “อันเดอร์เกิร์ล” จะได้เป็นสมาชิกของ “เพลงรอง” ในซิงเกิลที่ 6 โดยเมมเบอร์ที่ได้รับเลือกอันดับที่ 17 จะเป็นเซ็นเตอร์ของเพลงดังกล่าว

 

          ส่วนสำหรับโอตะที่ทุ่มเงินไป นี่คือการแสดงความรัก ชื่นชม และสนับสนุนบรรดาไอดอลของพวกเขา เพราะการได้เห็นรอยยิ้มพร้อมหยดน้ำตาแห่งความตื้นตันบนใบหน้าเมมเบอร์ ทำให้พวกเขายิ่งรักและอยากจะเป็นกำลังใจให้แก่ขวัญใจของพวกเขาต่อไปอีกตราบนานเท่านาน

 

 

 

ไม่รอแล้วนะ\"รักต้องให้\"จากโอตะพลังม้า

 


          ทั้งหมดนี้ยากที่จะอธิบายมาเป็นคำพูด นอกจากยกตัวอย่างคำอธิบายของโอตะคนหนึ่งในกระทู้หนึ่งของเว็บไซต์พันทิป ที่ว่า


          “คอนเซ็ปต์ของ BNK48 คือประมาณว่าน้องสาวข้างบ้านที่เราสนิทสนมกันมานาน มีความฝันอยากเป็นไอดอล แล้วเราก็เห็นการซ้อมและพยายามอย่างหนัก ตั้งแต่ยังไม่มีใครรู้จักจนกลายเป็นดาราดัง ในชีวิตจริงถ้าเรามีน้องสาวข้างบ้านแบบนั้น ก็คงอยากเชียร์อยากติดตาม”


          ...คงประมาณอย่างนี้...


          รักน้องต้องพร้อมเปย์
          แน่นอน ส่วนหนึ่งต้องยกนิ้วให้อภิมหาสุโค่ยโมเดลธุรกิจจากฝั่งแดนปลาดิบ แต่ที่ต้องยอมใจก็คือนักธุรกิจไทยที่ Dare to do คือกล้าหยิบเอาโมเดลนี้มาสานต่อให้คนไทย

 

 

 

ไม่รอแล้วนะ\"รักต้องให้\"จากโอตะพลังม้า

 


          อย่างที่รู้ว่า 2 หัวหอกหลักของ BNK 48 คือสองพี่น้อง “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท BNK48 ออฟฟิศ จำกัด ผู้พี่ และ ณัฐพล บวรวัฒนะ ที่เรารู้จักเขากันดีว่า “จ๊อบซัง” ในตำแหน่ง ‘ชิไฮนิน’ หรือผู้จัดการวง BNK48


          พี่น้องคู่นี้มองขาดว่า “ความรัก” ต้องแสดงออกด้วยการ “ให้” และการโหวตเลือกตั้ง BNK48 6th Single Senbatsu General Election เกิดขึ้นเพื่อให้น้องสาวของคุณได้มีรอยยิ้ม


          ด้วยกติกาเล็กๆ น้อยๆ 2 วิธี คือ 1.โอตะแค่ซื้อซีดีพรีออเดอร์ซิงเกิลที่ 5 “BNK Festival” ราคาแผ่นละ 350 บาท ก็จะได้โค้ดไปโหวตในเว็บไซต์ ค่ายทำมาไม่มากไม่มาย 300,000 แผ่น


          2.โอตะแค่ซื้อ Music card edition เพื่อที่จะเป็นโค้ดโหวตแบบดิจิทัล งานนี้ผลิตมาไม่จำกัดจำนวน ราคา 200 บาท


          ทั้งสองรายการยิ่งซื้อมากโหวตได้มาก เพราะได้โค้ดโหวตมาก แต่โค้ดเดียวกันใช้โหวตไม่ได้อีกแค่นั้นเอง

 

 

ไม่รอแล้วนะ\"รักต้องให้\"จากโอตะพลังม้า

 


          ก่อนหน้านี้ราวปีก่อนมีการคุยกันในโลกออนไลน์ลุ้นกันว่าจะมียอดโหวตได้ถึง 1 แสนคะแนนหรือไม่ เพราะค่าโหวตของไทยราคาค่อนข้างแพง ถ้าเทียบกับค่าครองชีพ 200-350 บาทต่อวัน เอาง่ายๆ ว่าค่าแรงของพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น บ้านเราประมาณวันละ 325 บาท


          ในขณะที่มีข้อมูลว่าที่ญี่ปุ่นต้นตำรับ ว่ากันว่าโหวตครั้งละ 1,000 เยน โดยค่าแรงเซเว่น อีเลฟเว่น คิดเป็นชั่วโมงละ 900-1,000 เยน (หรือชั่วโมงละ 200 กว่าบาท) ดังนั้นชัดเจนว่าจำนวนแฟนคลับสายเปย์ของไทยยังน้อยกว่าญี่ปุ่นที่กระเป๋าหนักกว่าเรามาก


          ตอนนั้นก็ว่ากันไป จนเมื่อผลการโหวตครั้งนี้จบไปด้วยคะแนนทั้งหมดรวมกัน 762,747 คะแนน โดยตัวเลขนี้ยังไม่นับรวมคะแนนของสมาชิกที่ไม่ติดอันดับอีก 19 คน


          ทุกคนเกือบหงายเก๋ง เพราะแปลได้ว่าเหล่าโอตะไทยทุ่มโหวตลงคะแนนให้สมาชิกทั้ง 32 อันดับรวมกันคิดเป็นเงินถึง 152,549,400 บาท!


          ขณะที่หลายคนคาดการณ์กันว่า หากรวมทั้งโปรเจกท์การเลือกตั้งและรวมค่าตั๋วคอนเสิิร์ตในงานประกาศผลเลือกตั้งแล้ว น่าจะแตะที่หลัก 200 ล้านบาท

 

 

ไม่รอแล้วนะ\"รักต้องให้\"จากโอตะพลังม้า

 

          ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มฟอร์มวง BNK48 ขึ้นมาเมื่อปี 2560 วันนี้เค้าลางความยิ่งใหญ่ของ BNK48 น่าจะไปได้อีกยาวไกล ถึงจะไม่เท่าวงพี่แห่งแดนอาทิตย์อุทัย แต่ถือว่าเปิดตัวสวยสุดๆ


          และยังส่งต่อความสำเร็จไปยังบริษัทแม่อย่าง บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เพราะตามข้อมูลทางธุรกิจระบุว่า บริษัทแม่แห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2531 มีผลประกอบการย้อนหลังในระยะไม่กี่ปีมานี้ ดังนี้


          ปี 2557 รายได้ 212 ล้านบาท ขาดทุน 32 ล้านบาท ปี 2558 รายได้ 99 ล้านบาท ขาดทุน 62 ล้านบาท ปี 2559 รายได้ 65 ล้านบาท ขาดทุน 61 ล้านบาท ปี 2560 รายได้ 35 ล้านบาท ขาดทุน 41 ล้านบาท


          กระทั่งเมื่อตั้ง บริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 ส่งผลทำให้บริษัทโรสมีเดีย ในปี 2560 รายได้ 40 ล้านบาท ขาดทุน (ลงลงจากปีก่อน) ที่ตัวเลข 22 ล้านบาท!


          ส่วนปีนี้แค่เดือนแรกก็กวาดมาแล้วเกือบสองร้อยล้าน คนไม่เข้าใจสายเปย์ผู้สยบยอมให้แก่ไอดอล อาจมีปาดเหงื่อว่าเม็ดเงินในการเลือกตั้งครั้งนี้ อะไรจะสะพัดสะบัดช่อขนาดนั้น


          แล้วเหล่าโอตะไปเอาเงินมาจากไหน ก็มีคอมเมนต์หนึ่งในกระทู้พันทิปอีกครั้งที่เหมือนเป็นหนึ่งตัวแทนโอตะ ออกมาแจงว่า


          “ผมเองแยกงบการเงินออกจากกันครับ งบความสุข งบต่างๆ เงินที่โหวตน้อง ก็คืองบเติมเกมครับ เป็นส่วนของความสุข งบซื้อเกม เติมเกม แต่งรถ อะไรพวกนี้ ซึ่งเงินพวกนี้กับส่วนทำบุญคนละส่วนครับ”


          เข้าใจตามนี้นะคนไทย...