'คนบันเทิง' เผยความรู้สึกครั้งหนึ่งเคยร่วมงานกับ 'โอ' วรุฒ

         ทีมบันเทิง คมชัดลึก - นับเป็นการสูญเสียนักแสดงมากฝีมือของเมืองไทยไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจาก “โอ” วรุฒ วรธรรม อดีตพระเอกดังเกิดอาการหัวใจหยุดเต้น ทำให้แพทย์ต้องใช้เครื่องทำการปั๊มหัวใจนานกว่า 20 นาที จนชีพจรกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะย้ายมาที่ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ และเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อเวลา 02.40 น. ของวันนี้ (11 ก.ย.2561) ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ

         ล่าสุดผู้สื่อข่าว ผู้สื่อข่าวบันเทิง คมชัดลึก ได้ต่อสายตรงถึง “แหม่ม” จินตหรา สุขพัฒน์ ซึ่งถือเป็นคู่ขวัญจากภาพยนตร์เรื่อง “คู่กรรม” ซึ่งทำให้หนุ่มโอแจ้งเกิดในวงการจอเงินได้อย่างสวยงามโดย แหม่ม จินตรา เผยว่าโดยส่วนตัวรู้สึกใจหาย

         "เราใจหายตั้งแต่ทราบว่าเขาเริ่มป่วย และไม่คิดว่าเขาจะไปเร็วขนาดนี้ ก็ใจหายและนึกถึงตลอด เพราะเขาก็เป็นน้องคนหนึ่งในวงการ จริงๆ แล้วแหม่มทราบข่าวว่าโอเสียชีวิตจากการดูข่าว และเพื่อนๆ นักแสดงส่งข่าวมาให้ดู ถามว่าสนิทกันมากไหมก็ไม่ได้สนิทมากเพราะเขาเป็นรุ่นน้อง เขาจะสนิทกับทางนีโน่ (เมทนี บุรณศิริ) มากกว่า แต่เราเคยร่วมแสดงภาพยนตร์ร่วมกันเรื่อง “คู่กรรม” เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการ เรื่องนี้กำกับโดยคุณรุจน์ รณภพ ช่วงนั้นโอเขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ กำลังเป็นหนุ่มเนื้อหอม เป็นโกโบริที่โด่งดังมาก แฟนๆ ไปดูหนังก็ชื่นชอบ ช่วงนั้นเวลาไปไหนกับโอก็จะเห็นแต่แสงแฟลชตลอดเวลา หลังจากนั้นเขาได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง “เขาชื่อกานต์” และเริ่มมีงานละคร งานถ่ายแบบเข้ามา พอระยะหลังๆ เขาเริ่มผันตัวเองเป็นพิธีกรก็ไม่ค่อยได้รับงานแสดงก็เลยห่างๆ กันไป

         โดยส่วนตัวเรามองว่าเขาเป็นคนที่เก่งนะ โอเป็นเด็กน่ารักสนุกสนานและร่าเริงใครได้ใกล้ชิดเขาก็จะรู้สึกเอ็นดูแม้เขาอาจจะมาสายบ้าง แต่พอเขามาถึงเขาก็ตั้งใจทำงานทำให้เราตลกหรือหัวเราะ จนโกรธเขาไม่ลง ที่สำคัญเห็นเราเป็นพี่ เขาก็จะเคารพเราตลอด ตอนที่เขาอาการหนักๆ เราไม่ทราบเพราะไม่เคยติดต่อกัน วันพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปร่วมงานศพของเขากับพี่กอบสุข จารุจินดา และผู้ใหญ่ของทางไฟว์สตาร์ เพราะเขาก็สนิทกับทางนั้น ซึ่งพี่จะเดินทางไปตอนเช้าน่าจะไปถึงงานเขาช่วงบ่าย สุดท้ายก็ขอให้เขาหลับให้สบาย มีความสุขและไปอยู่ในภพภูมิที่ดี การที่เราได้พบเจอได้ร่วมงานกันก็ถือเป็นโชคดี เราก็จะระลึกถึงเขา"

          ในขณะที่ แอนสิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ นางเอกจอแก้วคนแรกของโอ วรุฒ จากละครเรื่อง “ละอองดาว” ได้กล่าวถึงความรุ้สึกว่า

          “รู้สึกตกใจ คือแอนเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้านี้เอง ถ้าถามถึงตอนช่วงนั้น ที่ยังแสดงละครร่วมกัน คือช่วงนั้นยังเป็นช่วงวัยรุ่นจริงๆ ก่อนหน้านี้มีคนโทรมาถามแอนหลายคนเหมือนกัน เท่าที่จำได้คือความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ คือตอนนั้นละครเรื่องละอองดาวจะถ่ายไปออนไปตามสไตล์ละครช่อง 7 ตอนนั้นพี่โอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เรียกได้ว่าแอนเป็นนางเอกจอแก้วคนแรกของเขา แต่ก่อนจะได้แสดงละครร่วมกันเราก็เคยถ่ายแบบร่วมกันมาก่อน เขาดังเรื่องความหล่อและอารมณ์ดี สิ่งที่สัมผัสได้คือความเฟรนลี่ สนุกสนาน ตอนที่เขาไปแสดงเป็นโกโบริก็ยิ่งโด่งดัง พอช่วงที่เขาเป็นพิธีกรก็จะมีแต่ความสุข สนุกสนาน แต่ถ้าถามว่าแอนสนิทกับเขามากไหม ก็ไม่มากขนาดไปแฮงเอ้าท์ด้วยกัน แต่พอถ่ายละครเสร็จก็จะรวมตัวกับแก๊งค์เพื่อนๆ นางเอกไปเที่ยวกันบ้างเป็นบางครั้งเพราะช่วงนั้นยังวัยรุ่น พอมาทราบทีหลังว่าเขามีปัญหาเรื่องสุขภาพก็รู้สึกเสียใจ แต่คิดว่าเขาคงจะดีขึ้น เพราะเห็นกลับมาแสดงละครช่วงหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นแอนก็หายไปจากวงการช่วงหนึ่งก็เลยไม่ได้ติดต่อกันอีก แอนไม่ได้เจอเขานานแล้ว ตอนที่เขาอาการหนักๆ เราก็ไม่ทราบข่าว ส่วนงานศพคงต้องถามเพื่อนๆ ก่อนว่าจะมีใครไปบ้างยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าไม่ได้ไปจริงๆ ก็จะส่งพวงหรีดและซองไปร่วมงาน ก็อยากแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของเขาด้วย”

         ส่วน “ไก่” วรายุฑ มิลินทจินดา ผู้จัด-ผู้กำกับมือทอง เผยว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไปร่วมงานศพ "โอ" วรุฒ ที่เชียงใหม่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า 

         "โอเขาเคยแสดงละครให้พี่ 2 เรื่อง คือ "ในฝัน" และ "ฉุยฉาย" เขาก็เป็นคนน่ารักนะ เป็นที่รักของคนในกองถ่าย เพราะเขาเป็นคนที่สนุกสนานเฮฮา เขาเป็นเจ้าชายที่เดินออกมาจากหนังสือของคุณทมยันตี และเขาก็เป็นเจ้าชายสายเสมอที่น่ารักของพี่ แม้ว่าเขาจะมาทำงานสายแต่เราไม่เคยโกรธเขาเลยนะ เพราะว่าเวลาทำงานเขาจะเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก เราก็ดุด่าเขา สอนเขาเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งสอนเด็ก คือเราก็เห็นเขามาตั้งแต่เด็กนะ ยอมรับตอนที่ทราบข่าวว่าเขาจากไปก็รู้สึกเสียใจ เพราะเขาอายุแค่นี้เอง เขาไปเร็วเกินไป แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ไปอย่างไม่ทรมาณ คือเราทราบข่าวเรื่องอาการป่วยของเขาจากนีโน่ (เมทนี บุรณศิริ) มาโดยตลอด ตอนที่เขาป่วย เราก็ติดตามข่าวเขาเป็นระยะๆ ก็ห่วงเขา ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะชีวิตก็มีแค่นี้ ก็อยากให้เขาไปอย่างสงบ"

(ในฝัน)