'ผู้พันเบิร์ด'ติดใจงานผู้จัดเปรยทำ'หัวใจและไกปืน'ป้อนโมโน

           ตั้งแต่มารับแสดงภาพยนตร์ให้ “ท่านมุ้ย” ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ก็ดูเหมือนจะมีงานแสดงไม่ขาด เพราะหลังจากปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องนเรศวรและพันท้ายนรสิงห์ไปแล้ว ก็ยังเห็นผู้พันเบิร์ดรับงานแสดงให้ช่อง 8 แถมยังโดดไปเป็นผู้จัดละครเรื่อง “ตี๋ใหญ่ดับดาวโจร” ให้ช่องโมโน ร่วมกับผองเพื่อนอย่าง “ป๊อก” ปิยธิดา และ “ตั๊ก" นภัสกร มิตรธีรโรจน์ โดยมี ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม เป็นผู้กำกับ ในงานทำบุญถวายอาหารเพลภาพยตร์เรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ผู้พันเบิร์ดกล่าวว่า ถึงแม้ละครตี๋ใหญ่ดับดาวโจรยังไม่ได้ออนแอร์ แต่ตัวเองและเพื่อนมีแพลนทำละครเรื่องใหม่แล้ว

           “จากนักแสดงมาเป็นผู้จัดไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องบริหารและแก้ไขปัญหาคือต้องขอบคุณทางโมโนที่ให้โอกาสผม คุณปีเตอร์ คุณตั๊ก และคุณป๊อก ซึ่งละครเรื่องแรกที่เราถ่ายเสร็จไปแล้ว อย่างตี๋ใหญ่ดับดาวโจร แม้จะยังไม่ออนแอร์แต่ทางโมโนก็เสนอให้พวกเราทำละครเรื่องใหม่ แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมเสนอเรื่องใหม่สักที ทางนั้นก็เลยโยนบท หัวใจและไกปืน มาให้ทำต่อ ซึ่งเป็นละครรีเมกของทางช่อง 7 ตอนนี้กำลังหาตัวนักแสดงเพราะเวอร์ชั่นก่อนคือ อเล็กซ์ เรนเดล แสดงร่วมกับ อำพล ลำพูน ไว้ดีมาก ส่วนละครเรื่อง ตี๋ใหญ่ดับดาวโจร ที่ยังไม่ออนสักที เป็นเพราะทางโมโนต้องสต็อกละครไว้ก่อน จริงๆ ละครเรื่องนี้จะมีคิวแถลงข่าวเร็วๆ นี้ แต่ดูเหมือนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง” ผู้พันเบิร์ดกล่าว

           เมื่อถามถึงภาพยนตร์เรื่องพันท้ายนรสิงห์ ที่มีการนำเวอร์ชั่นละครมาตัดทอนเป็นภาพยนตร์ นักแสดงหนุ่มแจงว่า “หากถามว่ามันกลายมาเป็นภาพยนตร์ได้อย่างไรนั้น เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆ แต่รับรองว่าคนดูจะได้อรรถรสและทราบเรื่องประวัติศาสตร์ถึง 3 พระองค์ คือพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชา และพระเจ้าเสือ เรื่องนี้เต้ยแสดงเป็นเรื่องแรก เขาเป็นนักแสดงที่มีความพยายามมาก เพราะในเรื่องมีฉากบู๊ทำให้เราต้องไปเรียนมวยด้วยกัน และด้วยความที่เต้ยมีสำเนียงการพูดติดขึ้นจมูกเหมือนคนอีสาน แต่เรื่องราวเกิดขึ้นในภาคกลางทำให้ต้องปรับการพูดพอสมควร

           แถมในเรื่องเขาต้องมีฉากร้องรำทำเพลงด้วย ทำให้ต้องเรียนหลายอย่าง เพราะท่านมุ้ยเป็นคนละเอียด ฉากสำคัญอย่าง เห่เรือราชพิธี หรือฉากระเบิดอลังการแน่นอน เพราะเป็นทีมงานเดียวกับนเรศวร แม้กระทั่งฉากที่ใช้ในหนังเรื่องนเรศวรและพันท้ายนรสิงห์จะเป็นฉากเดียวกัน แต่เราจะเห็นความต่างอย่างต้นไม้ที่เข้าฉากในเรื่องพันท้ายจะใหญ่กว่านเรศวร เพราะระยะเวลาเรื่องพันท้ายนรสิงห์และนเรศวรนั้นมันห่างกัน 100 ปี แม้เวลาถ่ายทำนเรศวรและพันท้ายนรสิงห์ เรียกว่าถ่ายคาบเกี่ยวกัน แต่มั่นใจว่าคนดูไม่สับสนแน่นอน” ผู้พันเบิร์ดกล่าวปิดท้าย