บันเทิง

'ไม่ลืม ปลื้มใจชาตรี กับ 25 ปี ที่จากไป'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ไม่ลืม ปลื้มใจชาตรี กับ 25 ปี ที่จากไป' : คอลัมน์ เป็นคุ้งเป็นแคว โดย... เคน สองแคว

� � � � � วันพรุ่งนี้ 16 พฤษภาคม จะเป็นวันครบรอบการเสียชีวิต 25 ปี ขุนพลเพลงผู้ยิ่งใหญ่ ชาตรี ศรีชล นักร้องขวัญใจประชาชนผู้อาภัพ เจ้าของเพลงดัง “สาวผักไห่” สมัครรักสมัครแฟน” “โฉมนาง “ ฯลฯ
� � � � � ชาตรี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2532 ในสมัยที่คนลูกทุ่งไม่ได้มีสมาคมหรือชมรมต่างๆ ที่จะช่วยเหลือกันได้แบบทุกวันนี้ ชีวิตของนักเพลงผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงบั้นปลายจึงเป็นคนที่สิ้นไร้ไม้ตอก และเสียชีวิตลงอย่างน่าเห็นใจ
� � � � � สัมพันธ์ พัทลุง นักค้นคว้าข้อมูลลูกทุ่งคนเก่งอีกคนของวงการ ได้บันทึกเรื่องราวของชาตรี ศรีชล ไว้ว่า ชื่อจริงของชาตรี คือ สมบุญ ลีเส็ง เกิดเมื่อ 17 ก.พ.2492 ที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 10 ต.ทุ่งขวาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พ่อชื่อ นายเผือก แม่ชื่อ นางสอน ลีเส็ง เป็นลูกคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 8 คน จบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนชลราษฎร์อำรุง จังหวัดชลบุรี
� � � � � ชีวิตในวัยเด็กต้องต่อสู้กับปัญหาชีวิตมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เนื่องจากพ่อแม่ต้องแยกทางกัน ตัวเขาเองต้องอาศัยหลวงพ่ออยู่ที่วัดใหม่ท่าโพธิ์ พนัสนิคม ชลบุรี ชาตรีเข้าสู่วงการเพลง จากการชักนำของพนม นพพร (หรือนายชาตรี ชินวุฒิ นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน) เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกัน พนม นพพร พาไปฝากไว้กับ ครูสำเนียง ม่วงทอง แห่งวงดนตรี “รวมดาวกระจาย” ชาตรีจึงได้ฝึกแต่งเพลงจนเป็นเมื่ออยู่กับครูสำเนียงนี้เอง เพลงแรกที่แต่งชื่อเพลง “วอนรัก” ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ร่วมวงกับ ปรีชา จิตตะรัตน์ ในนามวง “181 ขวัญใจประชาชน” และ ปรีชา จิตตะรัตน์ นี้เองเป็นผู้ตั้งชื่อให้ว่า “ชาตรี ศรีชล” อยู่กับวงนี้ได้ไม่นานก็ลาออกมาตั้งวงใหม่กับเพื่อน ชื่อวงว่า “ศิษย์ปู่วิง” แต่ตั้งอยู่ได้ไม่นานก็ล้มเลิกวงกลับไปอยู่บ้านที่ชลบุรี เมื่อกลับไปอยู่บ้าน ขณะนั้นอายุ 17 ปีได้พบรักครั้งแรกกับลูกสาวชาวประมง แต่งงานอยู่กินกันมีลูกสองคน ชื่อ สมศักดิ์ และจิตรี ศรีชล แต่หลังจากนั้นก็แยกทางกับครอบครัว
� � � � � กลับเข้าวงการอีกครั้งเมื่ออายุ 18 ปี ด้วยการสมัครเข้าอยู่กับวงดนตรี ศรีนวล สมบัติเจริญ เมื่อราวปลายปี 2511 และที่นี่เองเขาได้ร้องเพลงบันทึกเสียงเพลงครั้งแรกในชีวิตการเป็นนักร้องมี 4 เพลงด้วยกัน เพลงแรกคือ “บัวหลวง” เพลงต่อมา “สมัครรักสมัครแฟน” “ช้ำรักจากเมืองชล” และ “รอไม่ไหว” ซึ่งเขาเป็นผู้แต่งเอง เพลงแรกไม่คอยดัง แต่อีกสามเพลงดังระเบิดกลายเป็นอมตะมาจนถึงทุกวันนี้
� � � � � ขณะอยู่กับวงดนตรีศรีนวล เขาแต่งเพลงไว้มากมาย ทั้งร้องเอง และให้ศรีนวล ตลอดถึงนักร้องในวงร้อง ทุกเพลงล้วนแต่เป็นเพลงดังเกือบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง “แฟนมีแฟนใหม่” “รักเก่าเขาลืม” “เมาเหล้าเมารัก” ที่เขาร้องเอง ส่วนเพลง “รักหน่อย” กับเพลง” บูชายันต์” ให้ศรีนวล สมบัติเจริญ ขับร้องซึ่งเพลง”บัวหลวง” ประกบแผ่นเ สียงแผ่นเล็กกับเพลง”รักหน่อย”ซึ่งเป็นเพลงแรกที่บันทึกเสียงของทั้งคู่
� � � � � นอกจากนี้ยังมีเพลง “อยากกินรัก” “หมดลมหมดเรื่อง” “ใจจะขาด” ให้กังวานไพร ลูกเพชร ร้อง และเพลง “ริมโขงหนองคาย“ “อุตรดิตถ์” ศรีไพร ลูกราชบุรี ร้อง ซึ่งเพลงหลังนี้ เป็นเพลงที่ศรีไพร ขับร้องไว้อย่างไพเราะ โดยมีจุดจำที่ออกเสียงอุตรดิตถ์ ว่า อุ๊ด-ต-ะ-ระ-ดิ้ด และอีกมากมายหลายเพลง ชาตรีอยู่กับวงศรีนวลได้ประมาณสองปี ก็ลาออกมาตั้งวงเองร่วมกับแฟนสาว คือ ปรานี ศรีชล (ปัจจุบันทำธุรกิจค้าอุปกรณ์ประดับยนต์ที่ปทุมธานี ปรานี มีบุตรกับชาตรี สามคน คือ ทนง, วงศ์ฟ้า และอ้อมใจ สองสาวกับอีกหนึ่งหนุ่ม ซึ่งหนุ่มนั้นก็คือ เอกกวี ศรีชล ที่ได้ขึ้นร้องเพลงแทนพ่อในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 1 น่าเสียดายที่เอกกวี เสียชีวิตตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม)
� � � � � นับตั้งแต่ปี 2512 จนถึงต้นปี 2514 เป็นช่วงที่เขาโด่งดังสุดขีด เพลงทุกเพลงที่เขาร้องฮิตติดอันดับ และยิ่งได้เพลงชุดทำนองอินเดีย จากภาพยนต์เรื่อง “มนต์เสียงเพลง” ที่ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ประพันธ์ให้ เช่นเพลง โฉมนาง, มนต์เสียงเพลง, ธรณีชีวิต และอีกหลายต่อหลายเพลง ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วทุกหลังคาบ้าน ชื่อ “ชาตรี ศรีชล” จึงครองใจแฟนเพลงตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้
� � � � � แต่จังหวะชีวิตของเขาต้องสะดุดลง เมื่อปี 2513 อายุเขาครบเกณฑ์ทหารพอดี เขาถูกเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ได้ไปรายงานตัวเข้ากองประจำการ เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังมีชื่อเสียง งานด้านวงดนตรีล้นมือ ต้องเดินสายไปแสดงดนตรีทั่วทุกภาคทั่วประเทศ และอีกอย่างเขาตั้งใจไว้ว่า อยากจะบันทึกเพลงตุนเอาไว้ให้มากๆ เมื่อเข้าเป็นทหารแล้ว เพลงของเขาจะได้ออกสู่ท้องตลาดให้แฟนเพลงได้ฟังอย่างต่อเนื่อง และตั้งใจไว้ว่า สิ้นสงกรานต์ปี 2514 จะกราบลาแฟนเพลงเพื่อไปรายงานตัวเข้ากรมเสียที
� � � � � แต่ในวันที่ 3 เม.ย.2514 ชาตรีได้นำวงดนตรีไปทำการแสดงที่จ.ระยอง ในขณะที่เขาออกร้องเพลงหน้าเวทีได้เพียง 5 เพลง คือ หลังคาแดง สมัครรักสมัครแฟน ธรณีชีวิต โฉมนางและ กล่อมหอ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหาร 4 นายขึ้นไปบนเวที และจับกุมตัวเขาไปทันที ในข้อหา “หนีทหาร”�
� � � � � ในขณะนั้นเกิดปฏิกิริยากับคนดูเป็นอย่างมาก แฟนเพลงโห่ร้องไม่พอใจ ที่เจ้าหน้าที่กระทำอย่างไม่ให้เกียรติ ทุกคนมีความเห็นว่า น่าจะให้ชาตรีทำการแสดงจบเสียก่อน แล้วค่อยจับกุม เพราะคดีหนีทหาร ไม่ได้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง ไม่ได้เป็นนักโทษฆ่าคนตายถึงกับต้องจับกุมตัวกันบนเวที
� � � � � เจ้าหน้าที่นำตัวชาตรี ศรีชล ไปคุมขังไว้ที่ สน.สส.สัตหีบ ชลบุรี ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนลงมาเหลือปีเศษๆ และเมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว จะต้องรับใช้ชาติโดยการเป็นทหารอีก 2 ปี รวมชาตรีจะต้องจากแฟนเพลงไปร่วม 3 ปี แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันรัชดาภิเษก ในปี 2514 จึงได้รับอภัยโทษ จึงติดคุกอยู่เพียง 3 เดือน กับ 12 วันเท่านั้น ชาตรีพ้นโทษเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2514 ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 23 ปี และโชคดีที่ไม่ต้องกลับไปรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารต่ออีกสองปี เนื่องจากทางการทหารปลดเขาออกจากประจำการ�
� � � � � เมื่อพ้นโทษเขารวบรวมนักร้องตั้งวงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยมีสำนักงานอยู่ที่ 161/20 ซอยบุปผาสวรรค์ จรัลสนิทสงศ์ บางกอกน้อย ธนบุรี รับงานแสดงทั่วไป เพลงที่ออกมาช่วงนี้และได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลง เช่นเพลง “วอนแฟนเพลง” ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อเรียกคะแนนความนิยมกลับคืนมา
“คุณคงลืมผมก่อน หวลย้อนเมื่อตอนหนหลัง
เคยร้องเพลงให้ฟัง เมื่อครั้งเคยพบกัน
จำเสียงเดิมได้ไหม กังวาลไกลใครนั่น
กลับมากล่อมเพลงฝัน สำราญสู่มวลมิตรแฟน
อย่าพึ่งลืมผมก่อน อาวรณ์มิตรเพลงต่างแดน
ยังไม่ลืมแฟน ๆเนืองแน่นด้วยพวงมาลัย
จืดก็ยังไม่จาง ห่างก็ยังเสียงไกล้ มาพบกันคราใด
ตั้งใจมาฟังเสียงเพลง แฟนดำเนินหน้านวล
สาวสวนแตงแก้มเปล่ง เคยได้เป็นมิตรเพลง
เร่งร้อยห้อยพวงมาลัย ดำเนินเดินเล่นตรึงตรา
ฝันหาดอกฟ้าเมืองไทย ตลาดแม่พวงมหาชัย
ฝังใจมิตรดอกไม้แดง
กลับมาฟังผมก่อน อย่าค้อนหรือเคืองหน่ายแหนง
คอยด้วยใจเต้นแรง มิตรแห่งกำลังใจ
เพลงที่ส่งเสียงร้อง ก้องทั้งไกลทั้งไกล้
วอนขอกำลังใจ ไม่ลืมปลื้มใจชาตรี”
� � � � � ลองหาฟังดูในยูทูบ แล้วคุณจะทราบว่า ชาตรี ศรีชล เป็นนักร้องที่ทรงพลังและมีเสน่ห์ขนาดไหน และจะไม่แปลกใจที่มีคนรักเขาทั่วประเทศ ในขณะที่เขาอยู่ในคุก ได้แต่งเพลงชุด "ตะราง” ไว้หลายเพลง แต่ที่นำมาบันทึกเสียงในช่วงตั้งวงใหม่นี้ ได้แก่เพลง ตะราง โกรธกัน เยี่ยมคนในคุก ลำบากใจ ทั้ง สี่เพลงนี้ เรียกว่าชุด “ตะราง” เขาบอกว่า แต่งไว้เป็นอนุสรณ์ว่าเราเลิกความชั่วได้เพราะเข้าตะราง
� � � � � ก่อนที่เขาจะติดคุก เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร “โลกดารา” ฉบับที่ 30 เม.ย.2514 สัมภาษณ์โดย สมชาย ทองขาว เขายอมรับว่า เสพเครื่องมึนเมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ กัญชา เขาเคยตั้งใจว่า เมื่อเข้ารายงานตัวเป็นทหารรับใช้ชาติ 2 ปี ชีวิตการเป็นทหารคงจะทำให้เขาเป็นคนดี เลิกละจากอบายมุขเหล่านี้ได้ แต่ติดคุกเสียก่อน
� � � � � เมื่อพ้นโทษออกมาไม่นาน เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น เนื่องจากเส้นโลหิตในสมองแตก แต่แพทย์ก็สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ เพราะนำส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที เมื่อเขาหายป่วยแล้ว ก็นำวงออกทำการแสดงทั่วไป ประสบความสำเร็จบ้าง ขาดทุนบ้าง ช่วงหลังเริ่มลุ่มๆ ดอน ๆ เนื่องจากต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง จนในที่สุดต้องล้มเลิกวง ในบั้นปลายชีวิตเขาต้องแยกทางกันอยู่กับภรรยา คือ ปรานี ศรีชล และลูก ๆ อันเป็นสุดที่รัก
� � � � � ครั้นเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2532 ร่างกายของชาตรีไม่อาจต้านทานกับโรคภัยไข้เจ็บ ที่โถมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับชีวิตของเขา ในที่สุด ชาตรี ศรีชล นักร้องนักแต่งเพลงลูกทุ่งผู้มากล้นไปด้วยความสามารถ ก็จากพวกเราไปด้วยความสงบ จากไปท่ามกลางความเสียใจของมิตรรักแฟนเพลง ที่เห็นเขาพ้นจากความทุกข์ทรมานจากการที่ถูกโรคภัยเบียดเบียนมาเกือบครึ่งชีวิต
� � � � � ปีสองปีที่ผ่านมา ที่ พนัสนิคม ชลบุรี ได้มีการจัดงานรำลึกถึงชาตรี ศรีชล แต่ยึดเอาวันเกิดของเขาเป็นตัวตั้ง มีการประกวดร้องเพลงชาตรี ศรีชล ซึ่งก็มีญาติของชาตรีที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เข้ามาประกวดและร้องโชว์บนเวทีด้วย ซึ่งผู้เขียนได้ไปร่วมงานและรายงานข่าวไปแล้ว แต่ปีนี้ยังไม่ทราบว่า จะมีการจัดขึ้นเมื่อไหร่อย่างไร
� � � � � �
� � � � � ผลงานเพลงต้นฉบับของชาตรี ศรีชล ยังมีให้ฟังกันในยูทูบ และแผ่นซีดีแท้ๆ ต้นฉบับของค่ายเทปบูรพา เป็นต้นฉบับที่ไพเราะสมบูรณ์แบบมากอีกต้นฉบับหนึ่ง ยังมีให้ซื้อหากัน
� � � � � ผู้เขียนยังนับว่า โชคดีที่เคยดูการแสดงของชาตรี ศรีชล ที่ไปร้องเพลงรับเชิญที่ตลาดนัดในจ.พิษณุโลกกลางวันแสกๆ กับพลังเสียงอันก้องกังวานจับถึงขั้วหัวใจ และยอมรับว่า ในช่วงที่เป็นเด็กนั้น ประทับใจสุดๆ จนยกให้เป็นนักร้องในดวงใจตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้
.......................................
(หมายเหตุ 'ไม่ลืม ปลื้มใจชาตรี กับ 25 ปี ที่จากไป' : คอลัมน์ เป็นคุ้งเป็นแคว โดย... เคน สองแคว)
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ