น้อมรำลึก 17 มกราคม “วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช” ผู้ทรงคิดประดิษฐ์อักษรไทย

มหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดงาน “วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช” เพื่อน้อมรำลึกถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ผู้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2553 กำหนดให้วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (17 มกราคม ของทุกปี) และวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (11 มกราคม ของทุกปี) เป็นวันรัฐพิธีโดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ 

 

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ มีพระมเหสี คือ พระนางเสือง มีพระราชโอรสสามพระองค์ พระราชธิดาสองพระองค์ พระราชโอรส องค์ใหญ่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังเยาว์ องค์กลางมีพระนามว่า บานเมือง และพระราชโอรสองค์ที่สาม คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เมื่อพระชันษาได้ 19 ปี ได้ชนช้างชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด พ่อขุนศรี อินทราทิตย์ จึงพระราชทานนามว่า “พระรามคำแหง” เมื่อสิ้นรัชสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และพ่อขุนบานเมืองแล้ว พระองค์ได้ครองกรุงสุโขทัย ต่อมาเป็น พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วงสันนิษฐานว่าพระองค์ สิ้นพระชนม์ในราวปี พ.ศ. 1860 รวมเวลาที่ทรงครองราชย์ประมาณ 40 ปี

 

 

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงกรุงสุโขทัย ทรงทำนุบำรุงปกครองบ้านเมืองด้วยพระเมตตาธรรมต่อไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ ทรงสร้างสรรค์มรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมที่สำคัญๆ ของชาติไว้อย่างอเนกอนันต์ มรดกของชาติที่สำคัญที่สุด คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ทรงคิดประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 1826 อันเป็นต้นกำเนิดของอักษรไทยที่ใช้กันในทุกวันนี้

 

 

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช  ยังได้ทรงรวบรวมแคว้นต่างๆ เข้าด้วยกัน จนเป็นราชอาณาจักรไทยที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าทุกยุคสมัย ที่ผ่านมา พระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติของพระองค์ท่าน ล้วนแต่เป็นการวางรากฐานแห่งความเจริญไว้ให้แก่ประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทุกคนสืบทอดต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนานมากว่า 720 ปี

 

เพื่อเทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของมหาราช  ทั้งสองพระองค์ คือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (17 มกราคม ของทุกปี) และวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (11 มกราคม ของทุกปี) โดยเชิญผู้แทนหน่วยงาน ส่วนราชการต่างๆ ร่วมวางพานพุ่มถวายราชสักการะ ในวันที่ 17 มกราคม 2567 เวลา 06.30น. ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก กรุงเทพมหานคร(กทม.)

 

โดยมีกำหนดการดังนี้

• เวลา 06.30 น.​ นายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ประธานพิธี เดินทางถึงบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
• กรรมการสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณาจารย์ ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย และลูกจ้างมหาวิทยาลัย พร้อมกัน ณ ปะรำพิธีบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
• ประธานพิธี อธิการบดี เดินขึ้นไปยังแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์
• ประธานพิธี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ และจุดธูปเทียนที่เครื่องทองน้อย
• นายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง อธิการบดี วางพวงมาลัย วางพานพุ่ม และวางพวงมาลัยดาวเรือง ถวายราชสักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แล้วเดินลงมา ณ ปะรำพิธี ​ (วางที่โต๊ะหมู่บูชาบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์)

 

 พิธีทางศาสนา (พิธีสงฆ์ และพิธีพราหมณ์)

• ประธานพิธี จุดธูป เทียน บูชาพระรัตนตรัย (ผู้เข้าร่วมพิธียืนประนมมือพร้อมกัน)
• ประธานพิธี ถวายตาลปัตรแด่พระสงฆ์​
• เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล
• พระสงฆ์ให้ศีล
• เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร
• พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
• ประธานพิธี อธิการบดี และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์
• ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 9 รูป
• พระสงฆ์อนุโมทนา
• ประธานพิธีกรวดน้ำ รับพร

 

 

เวลา 07.30 น.

• พราหมณ์ทำพิธีบวงสรวงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
• ประธานพิธี จุดธูป เทียน ที่เครื่องบวงสรวง (ผู้เข้าร่วมพิธียืนประนมมือพร้อมกัน)
• ประธานพิธี ปักธูปหางที่เครื่องบวงสรวง​
• อธิการบดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัยร่วมปักธูปหางที่เครื่องบวงสรวง
• พราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
• ประธานพิธี โปรยข้าวตอกดอกไม้ที่เครื่องบวงสรวง
• อธิการบดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ร่วมโปรยข้าวตอกดอกไม้ที่เครื่องบวงสรวง
• พราหมณ์หลั่งน้ำเทพมนต์ ถวายใบมะตูม และเจิมพระบรมราชานุสาวรีย์
• การแสดงดนตรีไทย ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายประถม)
• การแสดงถวายราชสักการะ 1 ชุด ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายประถม)
• ประธานพิธี กราบลาพระรัตนตรัย กราบลาพระสงฆ์
• พิธีมอบรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น (2 ท่าน)
• อธิการบดีกล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมพิธี

 

เวลา 08.30 น.

• วางพานพุ่มถวายราชสักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (ช่วงที่สอง)

 

เวลา 09.00 น.

• เสร็จพิธี

 

 

หมายเหตุ​การแต่งกาย

• ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย แต่งเครื่องแบบปกติขาว สวมหมวก
• บุคคลทั่วไปแต่งกายชุดสากล หรือชุดสุภาพ
• ขอความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัยสีขาว